
Arun Plus ผนึก CATL ตั้งโรงงานแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ Cell-To-Pack ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อเสริมศักยภาพประเทศด้านการผลิต EV พร้อมเดินสายการผลิตปี 2567 ก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ครบวงจรในอาเซียน
EV เรียกได้ว่าเป็นอนาคตของวงการรถยนต์ในปัจจุบัน นอกเหนือจาก Tesla แล้วแบรนด์รถยนต์ทั่วโลกยังคงมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี EV เข้าสู่ตลาดมากมาย การเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์ EV จึงเป็นทิศทางสำคัญของประเทศที่มีศักยภาพ
ประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นส่วนหนึ่งของในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) อุตสาหกรรมยานยนต์ที่สำคัญของภูมิภาค ก็มีการขับเคลื่อนไปสู่การเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรม EV ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
และในวันนี้ก็ถือเป็นก้าวสำคัญก้าวหนึ่งของวงการ EV ในประเทศไทย นั่นเพราะ Arun Plus บริษัทภายในกลุ่ม PTT นำโดยนายเอกชัย ยิ้มสกุล กรรมการผู้จัดการ ผนึกกำลังกับ Mr. Ni Zheng, Executive president of Overseas Car Business, and CEO of Japan & Korea Affiliate ของบริษัท Contemporary Amperex Technology Co., Ltd หรือ CATL ได้บรรลุข้อตกลงและร่วมลงนามสัญญาจัดตั้งโรงงานแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ Cell-To-Pack (CTP) ภายในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี ซึ่งพร้อมเดินสายการผลิตภายในปี 2567 ด้วยกำลังการผลิต 6 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี โดยมีการจัดพิธีลงนามฯ ที่งาน Shanghai International Automobile Industry Exhibition สาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยเทคโนโลยี CTP นั้นจะสามารถผลิตแบตเตอรี่ขั้นสูงที่จะทำให้แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพความจุพลังงานสูงขึ้น น้ำหนักเบา และมีความปลอดภัยสูง รวมถึงยังมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการในการนำเทคโนโลยีของ CATL อื่น ๆ เช่น Battery Swapping, Battery Recycling, CATL Integrated Intelligent Chassis มาปรับใช้ในประเทศ และศึกษาแนวทางในการเป็นผู้ผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในอนาคต นับว่าเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของไทยในการผลักดันประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต
ซึ่ง Arun Plus ภายใต้กลุ่ม PTT นั้นถือเป็นผู้เล่นที่สำคัญของการผลักดันให้ไทยมีการดำเนินธุรกิจแบตเตอรี่อย่างครบวงจร และมุ่งมั่นในการสร้างความพร้อมของ infrastructure หรือโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขยาย ecosystem ของยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ในประเทศไทย โดยความร่วมมือกับ CATL ในครั้งนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือกับองค์กรอื่น ๆ เช่น FOXCONN ในการดำเนินการผลิต EV ที่จะทำให้ไทยสามารถรองรับความต้องการ EV ที่สูงขึ้นทั้งในประเทศและในภูมิภาค
มากไปกว่านั้นความร่วมมือในครั้งนี้นอกจากจะช่วยเสริมศักยภาพด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของกลุ่ม Arun Plus แล้ว ยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับประเทศไทยต่อไป