ระวังนโยบายประชานิยม ‘อนุสรณ์’ ออกโรงเตือนต้องระวังการใช้จ่ายเงิน แต่ยังเชียร์นโยบายดัน Soft Power เพื่อไทย ชี้น่าจะช่วยให้การเติบโตเศรษฐกิจยั่งยืนกว่า

 รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวหลังจากที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยเริ่มทำงาน สร้างโอกาสให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่ความเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้ในอีก 1 – 2 ทศวรรษข้างหน้า แต่รัฐบาลเพื่อไทยต้องระวังการใช้นโยบายประชานิยม คำนึงถึงเศรษฐกิจมหภาคและวินัยทางการเงิน สนับสนุนนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัว สร้าง New Engine of Growth ได้ เหมือนที่เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อิตาลี ฝรั่งเศส ทำสำเร็จมาแล้ว

เมื่อวานนี้ (3 ก.ย. 66) รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างชัดเจนหลังจัดตั้งคณะรัฐมนตรีขับเคลื่อนการบริหารประเทศได้อย่างเต็มที่ ความขัดแย้งทางการเมืองก่อนการรัฐประหารปี พ.ศ. 2557 คลี่คลายลงอย่างมาก ทำให้ปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองลดลง

ความมั่นคงและความมีเสถียรภาพของระบอบประชาธิปไตยมีความสำคัญต่อเสถียรภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจ เฉพาะภาคการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ระยะยาว อีกทั้งการมีฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกล ทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลการบริหารประเทศให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้ระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาก้าวหน้าต่อไป และสร้างโอกาสการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในทุกภาคส่วนได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายประชานิยมต้องระมัดระวังยึดถือกรอบการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาค และใส่ใจต่อวินัยการเงินการคลัง ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาหลายรัฐบาลดำเนินนโยบายกึ่งการคลังผ่านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ และ ยังคงติดค้างหนี้เงินชดเชยรายได้ธนาคารเฉพาะกิจจำนวนมาก 

ส่วนนโยบาย Soft Power ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้ประเทศ และประชาชนทุกระดับ การประสานเข้ากับนโยบายการศึกษาและการลงทุนทางด้านวิจัยและนวัตกรรมที่เหมาะสม จะทำให้ประเทศไทยสามารถยกระดับสู่ประเทศพัฒนาแล้วภายในสองทศวรรษข้างหน้า 

มาตรการส่งเสริม Soft Power ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะช่วยให้เกิดการ Reskill แรงงานหลายล้านคน พัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ทั้งระบบ รวมทั้งสามารถใช้เป็นเครื่องมือทางการทูตเชิงเศรษฐกิจวัฒนธรรมเชิงรุก สร้างฐานรายได้ใหม่ เป็น New Engine of Growth ได้ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ประเทศเกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อิตาลี ฝรั่งเศส ทำสำเร็จมาแล้ว