
ลดภาษี เพิ่มโควตานำเข้า สินค้าเกษตร 4 รายการเพื่อการลดต้นทุนให้แก่เกษตรกร และเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ
ในการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำวันที่ 27 ก.พ. 2567 ได้มีการพิจารณาเห็นชอบในหลักการการเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามกรอบความตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) โดยให้เปิดตลาด 1 ปี (ปี 2567) สินค้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่ หัวพันธุ์มันฝรั่ง และหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ตามที่คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ (คณะกรรมการนโยบายและแผนฯ) เสนอ
และให้คณะกรรมการฯ รับไปพิจารณาหารือเรื่องความเหมาะสม ราคา ช่วงระยะเวลาการนำเข้าไม่ให้กระทบกับการผลิตสินค้าของไทย
ทั้งนี้ การบริหารการนำเข้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่ หัวพันธุ์มันฝรั่ง และหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขและการกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการจัดการการผลิตและการตลาดกระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง
สำหรับรายละเอียดปริมาณโควตาและอัตราภาษีมีดังนี้
เมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่
– ปริมาณโควตา 3.15 ตันต่อปี
– สินค้าในโควตาเก็บภาษี 0%
– สินค้านอกโควตาเก็บภาษี 218%
– ให้ชุมนุมสหกรณ์ฯ เป็นผู้นำเข้าแต่เพียงผู้เดียว และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการฯ
หอมหัวใหญ่ (แห้งเป็นผง และไม่เป็นผง)
– ปริมาณโควตา 1,256.50 ตันต่อปี
– สินค้าในโควตาเก็บภาษี 27%
– สินค้านอกโควตาเก็บภาษี 142%
– ให้ชุมนุมสหกรณ์ฯ เป็นผู้บริหารการนำเข้า เพื่อจัดสรรให้นิติบุคคลเป็นผู้นำเข้า และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการฯ
หัวพันธุ์มันฝรั่ง
– ไม่จำกัดโควตา
– สินค้าในโควตาเก็บภาษี 0%
– การนำเข้าให้อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่คณะอนุกรรมการฯ กำหนด ได้แก่
1) ให้มีการนำเข้าหัวพันธุ์มันฝรั่งปีละ 3 ครั้ง โดยผู้ที่ต้องการจะนำเข้าต้องจัดทำหนังสือและแจ้งความประสงค์มายังสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรภายในระยะเวลาที่กำหนด
2) ให้นิติบุคคลเป็นผู้นำเข้า
3) ให้ผู้นำเข้าทำหนังสือรับรองพื้นที่เพาะปลูกซึ่งมีทะเบียนเกษตรกรและข้อมูลปริมาณหัวพันธุ์มันฝรั่ง โดยมีเกษตรจังหวัดหรือสหกรณ์จังหวัดรับรอง และในกรณีที่บริษัทนำเข้าหัวพันธุ์มันฝรั่ง
4) ผู้นำเข้าต้องจำหน่ายหัวพันธุ์มันฝรั่งให้แก่เกษตรกรไม่เกินกิโลกรัมละ 35 บาท และรับซื้อหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูปจากเกษตรกร ในช่วงฤดูฝน (กรกฎาคม – ธันวาคม) ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 14.00 บาท และในช่วงฤดูแล้ง (มกราคม – มิถุนายน) ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 11.00 บาท
หัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป
– ปริมาณโควตา 75,500 ตันสำหรับปี 2567
– สินค้าในโควตาเก็บภาษี 27%
– สินค้านอกโควตาเก็บภาษี 125 %
– การนำเข้าให้อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่คณะอนุกรรมการฯ กำหนด ได้แก่
1) ผู้นำเข้าต้องเป็นนิติบุคคล
2) ผู้นำเข้าหรือผู้แทนนำเข้าต้องรับซื้อหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูปจากเกษตรกร ในช่วงฤดูฝน (กรกฎาคม – ธันวาคม) ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 14.00 บาท และในช่วงฤดูแล้ง (มกราคม – มิถุนายน) ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 11.00 บาท
และมอบหมายคณะอนุกรรมการจัดการฯ พิจารณาราคาประกันขั้นต่ำเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การผลิตและการตลาดในแต่ละปีต่อไป ซึ่งหากตรวจสอบพบว่าผู้นำเข้าหรือผู้แทนผู้นำเข้ามีการรับซื้อในราคาต่ำกว่าที่ระบุไว้ในสัญญาจะมีผลต่อการพิจารณาจัดสรรปริมาณนำเข้าให้แก่ผู้นำเข้าในปีต่อไป
3) ให้มีการนำเข้าในเดือนมกราคม และเดือนกรกฎาคม – ธันวาคมของทุกปี1 โดยการนำเข้าในเดือนมกราคมให้นำเข้าไม่เกินร้อยละ 20 ของปริมาณรวมทั้งหมดที่ได้รับการจัดสรรในโควตาของผู้ประกอบการแต่ละราย
สำหรับหัวพันธุ์มันฝรั่ง ซึ่งไม่กำหนดโควตา และให้อัตราภาษี 0% นั้น ได้มีการให้คำอธิบายประกอบว่า เป็นเพราะประเทศไทยไม่สามารถผลิตหัวพันธุ์มันฝรั่งได้เพียงพอกับความต้องการของตลาดจึงต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อให้มีหัวพันธุ์มันฝรั่งทันกับฤดูกาลเพาะปลูกของเกษตรกร
และมีผลผลิตเพียงพอกับการบริโภคภายในประเทศ รวมทั้งประเทศไทยต้องนำเข้าหัวพันธุ์มันฝรั่งเพื่อเพาะปลูกทุกปี การไม่เก็บภาษีจึงช่วยลดภาระต้นทุนของเกษตรกรลงได้
และสำหรับหัวหอมใหญ่นั้นเนื่อง จากประเทศไทยไม่สามารถผลิตหอมหัวใหญ่ชนิดหั่นผงและหั่นแห้งได้ และมีความจำเป็นต้องนำเข้าเพราะเป็นส่วนผสมของสินค้าแปรรูป เช่น ผงชูรสในอุตสาหกรรมอาหารซึ่งมีความต้องการบริโภคภายในประเทศและต่างประเทศสูงขึ้น ดังนั้น จึงต้องเพิ่มปริมาณโควตาให้สอดรับกับความต้องการดังกล่าว
และสำหรับเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ เป็นการลดอัตราภาษีในโควตาจากที่ผูกพันไว้ภายใต้กรอบความตกลง WTO เนื่องจากต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรมีเมล็ดพันธุ์คุณภาพสูงและราคาถูกเพื่อใช้ในการเพาะปลูกหอมหัวใหญ่สำหรับการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกไปยังต่างประเทศ