“พรรคเพื่อไทยไม่ใช่สาขาของพรรคก้าวไกล เราเหนื่อยยาก ทุกเขตเลือกตั้ง สู้กับก้าวไกลทั้งนั้น นั่งอยู่นี่ หายไปเฉย ๆ กรุงเทพมหานคร เราแพ้ให้ภูมิใจไทยหรือเปล่า แพ้ให้พลังประชารัฐหรือไม่ ถ้า ส.ส ในเขตดังกล่าวไม่ตก เราก็ได้ที่ 1 ครับ” – อดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย งานสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค, 21 มิ.ย. 66

21 มิ.ย. 66 พรรคเพื่อไทยจัดงานสัมมนาที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค โดยในการนี้ นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้ขึ้นกล่าวว่า “ผมไม่เห็นด้วยในการที่เรา 141 เสียงนี่ เค้า 151 เราจะไปยอมเขาทุกเรื่องทุกราว แน่นอนทุกพรรคการเมืองที่หาเสียงเลือกตั้ง ไม่มีพรรคใดที่ได้คะแนนเสียงเกิน 250 จึงมีศักดิ์ศรีเท่ากัน แต่ว่าในบรรดาพรรคการเมืองทั้งหลายทั้งปวงนี่ ก้าวไกลเค้าได้ 151 แน่นอนประเพณี ให้เค้าเป็นฝ่ายบริหารไป อันนี้ผมเห็นด้วย ทุกคนเห็นด้วย สนับสนุนคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยความจริงใจ

แต่ไม่ใช่ว่า 151 เสียง เมื่อได้บริหารแล้วคุณจะหาวเอาเดือนเอาดาวเกินพลังที่ตนเองมีในหน้ากระดาษ จะมาหาวเอาเดือนเอาดาว เอาประธานสภาไปด้วยนี่ ผมว่ามันจะง่ายจนเกินไป ไม่ได้เห็นเพื่อนฝูงอยู่ในสายตาเลย ผมจึงออกมาสตาร์ตเครื่องเรื่องนี้ โดยไม่ได้นัดหมายกับใคร คือตรงไปตรงมา ไม่มีอคติ ไม่ได้สู้เพื่อตนเองจะเป็นประธานสภา 

แต่สู้เพื่อให้เพื่อไทยยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ลูกน้องของพรรคการเมืองใด 

เราเหนื่อยยากมา แน่นอน ประธานสภาใครก็เป็นได้ ผมบอก ส.ส. ทุกคนนั่งอยู่ตรงนี้ เป้าหมายสูงสุดคือประธานสภา แต่ถึงเวลาเหมาะสมหรือไม่ ผมเห็นใจในการเจรจา ไม่ทราบว่าท่านเจรจาอย่างไร ตอนแรกก็เจรจาว่าท่านสิทธิ ท่านก็ได้นายกด้วย เราก็ได้ประธานสภาด้วย เดินไปด้วยกันมันสง่างามครับ จะทำให้บ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง ไปต่างประเทศมีความสวยงามมาก ไม่ใช่มาเอาทุกเรื่อง 

ท่านประยุทธ์ ศิริพานิชย์ได้ติงความเห็นผมว่า อย่ากินรวบ กินแบ่ง พูดอย่างนี้มันไม่ดี ชาวบ้านฟังแล้วหาว่ามันแย่งผลประโยชน์กัน ให้ใช้ศัพท์รัฐศาสตร์ว่า Check and Balance แปลว่าอะไรก็ไม่รู้ หมายความว่าถ่วงดุลซึ่งกันและกัน คุณได้บริหาร ผมได้นิติบัญญัติ ก็ถ่วงดุลกัน ทำงานด้วยกัน ผมก็เลยถึงบางอ้อ ต้องขอบคุณพี่ประยุทธ์จริง ๆ วันนี้พาดพิงพี่เพื่อต้องการให้พี่มาพูดต่อจากผม

ท่านหัวหน้าครับ ผมเจ็บปวดนะครับที่พูดวันนี้ ถึงอย่างไร เราก็ไม่สามารถให้ประธานสภาแก่ก้าวไกลได้ เพราะคุณสูงแค่ 151 เมื่อมีข้อขัดแย้งในสภาทำไงครับ ? ก็เรื่องง่าย ๆ ก็โหวตกันในสภา โหวตในสภา คุณได้เพื่อนฝูงร้อย ห้าร้อย ได้มาก คุณก็ไปเป็นประธาน คุณได้น้อย คุณก็ไปเป็นอย่างอื่นมีแค่นั้นครับ

ผมยังยืนยันว่า ศักยภาพของคนของเรานี่ เรามีบุคลากรที่เหมาะสมมากกว่าเค้า ผมไม่อยากเห็นสามเณรกับพระบวชใหม่มาเป็นเจ้าอาวาสครับ จะอยู่อย่างไรจะนั่งยังไง เมื่อประชุมรัฐสภา มีวุฒิสมาชิกด้วย

เรามีบุคลากรเยอะครับ อย่าเพิ่งไปยอมให้เค้าง่าย ดูประหนึ่งว่าเราเป็นห่วงความรู้สึกของก้าวไกล ถ้าอย่างงี้ เค้าไม่ร่วม เค้าจะเป็นฝ่ายค้านทำไง เราจะสูญพันธุ์รึเปล่า ?

คุณเป็นก้าวไกล หรือคุณเป็นเพื่อไทย ? ไม่ได้มีอารมณ์ แต่ต้องการให้เพื่อไทยยิ่งใหญ่ในอนาคต สิ่งที่ผิดพลาดมา เราแพ้ยังไง เราต้องสรุปบทเรียน

เรื่องประธานสภา ถึงอย่างไร ผมคิดว่าควรจะเป็นของพรรคเพื่อไทย โดยศักยภาพ โดยตาราง โดยทฤษฎีต่าง ๆ คุณก้าวไกล คุณต้องถอยไป อันนี้ทำให้รัฐบาลผสมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเดินทางไปสู่การแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้สะดวกโยธิน แต่ว่าปัญหานี้แก้ไม่ได้ เหมือนหินอยู่ในรองเท้าครับ ยาก 

ผมคนนึง ไม่รู้จะงดออกเสียงหรือไม่ เพราะผมไม่สามารถยกมือให้สามเณรและพระบวชใหม่เป็นประธานผม ผมไม่สุกงาอมจึงฝากไว้ และขอกราบอภัย ขอโทษเพื่อนภูมิธรรมที่บางทีทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่เป็นการทะเลาะแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อให้พรรคยิ่งใหญ่ พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่

พรรคเพื่อไทยไม่ใช่สาขาของพรรคก้าวไกล

เราเหนื่อยยาก ทุกเขตเลือกตั้ง สู้กับก้าวไกลทั้งนั้น ใช่ไม่ใช่นั่งอยู่นี่ หายไปเฉย ๆ กรุงเทพมหานคร ยังดีได้อิ่ม (ส.ส. ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์) ได้มาคนนึง ปรบมือให้อิ่มด้วย ได้มาก็เกินเค้าเพียง 4 คะแนนเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นการทำงานในทางการเมือง อย่าอ่อนนะครับ แข็งต้องแข็ง 

พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์ 22 ปี มากับจาตุรนต์ ฉายแสง มากับท่าน มากับนายใหญ่ ก็อยู่มาตลอด สร้างกันมา เราไม่ได้แพ้ใครนะครับ เราแพ้ในเขตเลือกตั้ง เราแพ้ให้ภูมิใจไทยหรือเปล่า แพ้ให้พลังประชารัฐหรือไม่ ถ้า  ส.ส.ในเขตดังกล่าวไม่ตก เราก็ได้ที่ 1 ครับ”