5 ประเด็นท้าทายประเทศไทย อดีตผู้ว่า ธปท. ชี้ 5 โจทย์โครงสร้างประเทศเพื่อการพัฒนา
นายวิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ร่วมการประชุมประจำปี 2666 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 66 โดยกล่าวถึง 5 โจทย์ท้าทายประเทศไทยเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศให้เท่าทันโลก ซึ่งมีใจความสรุปดังนี้
—
1 โครงสร้างภาคการผลิต
—-
ผลิตภาพ (Productivity: อัตราส่วนชี้วัดประสิทธิภาพการผลิต โดยเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าที่ได้ กับปัจจัยที่ใช้เพื่อการผลิตสินค้าและบริการนั้น ๆ) ของหลายภาคการผลิตของไทยอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ซึ่งหลายประเทศในภูมิภาคของเรามีการพัฒนาในขณะที่ไทยเรายังติดกับดักด้านนี้อยู่
ในภาคเกษตรของไทย ซึ่งหลายคนฝากชีวิตเอาไว้นั้นมีอัตราผลผลิตต่อไร่ที่ต่ำมาก แทบจะทุกพืชหลัก ต่ำกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญของเรา ในขณะที่ภาคการบริการของเรา ยังคงติดอยู่กับการบริการพื้นฐานดั้งเดิม แม้แต่ภาคการท่องเที่ยวของเราเองก็มีผลิตภาพที่ต่ำ ไม่ได้เป็นบริการดิจิทัลสมัยใหม่ ส่วนอุตสาหกรรมพื้นฐานของกลุ่ม SME เราเองก็ติดกับดักผลิตภาพเช่นกัน
นี่เป็นโจทย์สำคัญมากว่า ทำอย่างไร ที่จะทำให้ผลิตภาพของเราเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในภาคเศรษฐกิจที่คนจำนวนมากฝากชีวิตไว้
—
2 โครงสร้างของระบบรัฐ
—
โครงสร้างของระบบรัฐของไทย ระบบราชการ ระบบรัฐวิสาหกิจ เป็นโครงสร้างหรือกรอบอำนาจหน้าที่ต่างๆ ยังถูกสร้างขึ้นตามแบบโลกเดิม ไม่ได้เอื้อกับการทำงาน ที่จะตอบโจทย์โลกแบบใหม่ การทำงานแบบใหม่ของประเทศ หรือของโลก วิธีการแก้ปัญหาของเรา คือ การตั้งคณะกรรมการฯ และมีคณะกรรมการฯเต็มไปหมด มีแต่กิจกรรม แต่จะไม่มีผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาความล้มเหลวในการประสานงาน (Coordination failure) ที่ใหญ่มาก
ปัญหานี้จะเป็นปัญหาที่เราจะขับเคลื่อนเรื่องใหม่ ซึ่งต้องอาศัยการมองจากหลากหลายมิติ มีการประสานพลังจากหลากหลายมิติ
—
3 ระบบนิติรัฐ และการคอร์รัปชัน
—
4-5 ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าสถานะของประเทศไทยไม่ได้ดีขึ้น และไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังเลยในเรื่องคอร์รัปชัน อีกทั้งมีหลายเหตุการณ์ที่คนแคลงใจระบบนิติรัฐ’ของไทยมากขึ้นด้วย การคอร์รัปชัน ทำลายการแข่งขัน ทำลายผลิตภาพ เพราะการแข่งขันไม่ได้ตั้งอยู่ที่ความสามารถแต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเข้าถึงอำนาจ หรือวิธีการใต้โต๊ะได้มากกว่า
การคอร์รัปชันทำลายความไว้วางใจ (Trust) ทำให้คนไม่กล้าทำอะไรใหม่ ๆ ในระบบราชการเองก็จะกังวล กลัวกันมากว่า ถ้าจะทำเรื่องใหม่ๆ จะเป็นที่ครหา จนทำให้เราไม่สามารถทำอะไรใหม่ ๆ ได้
—
4 สังคมผู้สูงอายุ
—
ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ไม่มีความพร้อมในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสวัสดิการของภาครัฐที่ไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้ และเวลาที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุตลาดจะเล็กลงเรื่อยๆ เมื่อตลาดเล็กลง ความสามารถในการแข่งขันของประเทศก็จะลดลง
ในอีก 10 ปีข้างหน้า คนทำงาน 1 คนต้องมีขีดความสามารถในการผลิตได้สูงขึ้นเพื่อหารายได้ให้มากขึ้น เพื่อการเลี้ยงดูผู้สูงอายุ ทั้งผู้สูงอายุในครอบครัวที่เป็นทางตรง และต้องเสียภาษีเพื่อให้รัฐมาจัดสวัสดิการให้ผู้สูงอายุอื่นๆของประเทศ ถ้าเราไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องผลิตภาพได้ ปัญหาสังคมผู้สูงอายุจะเป็นปัญหาใหญ่มากๆ
—
5 การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ (Climate Change)
—
ในด้านนี้ประเทศไทยยังขาดการปรับตัวหรือการวางแผน รับมือ ปรับตัวให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ ซึ่งจะมีปัญหาใหม่ที่จะกระทบต่อชีวิตของพวกเราทุกคน และวิถีการทำธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเราไม่มีแผนการปรับตัวให้ดี คนที่เดือดร้อนมากที่สุด คือ คนที่อยู่ฐานล่างของสังคม ซึ่งเขามีภูมิคุ้มกันค่อนข้างน้อย ไม่สามารถลงทุนในการปรับตัวได้
เรื่องพลังงาน ประเทศไทยเราพึ่งพลังงานจากประเทศเพื่อนบ้านในสัดส่วนที่มาก ประเด็นเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ (geopolitics) จึงมีบทบาท และเราต้องบริหารความเสี่ยงในเรื่องนี้