เรือผู้อพยพลิเบียล่มดับสลดร่วม 100 รายกลางเมดิเตอร์เรเนียน สะท้อนปัญหารัฐบาลล้มเหลวหลังการแทรกแซงจากสหรัฐ
เมื่อเช้าวันเสาร์ (2 เม.ย.) ที่ผ่านมา องค์การแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) ระบุว่า เรือพาณิชย์ Alegria 1 ได้ใช้เรือชูชีพช่วยเหลือผู้โดยสารเคราะห์ร้าย 4 ราย กลางมหาสมุทรเมดิเตอร์เรเนียน
“เราทราบจากการติดต่อกับเรือ Alegria 1 ว่าผู้รอดชีวิตแจ้งว่ามีผู้โดยสารบนเรือเกือบ 100 คน และเรือได้แล่นอยู่ในทะเลอย่างน้อย 4 วันก่อนเกิดเหตุ”
Filippo Grandi หัวหน้าสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Refugees หรือ UNHCR) ทวิตต์ข้อความใน Twitter เมื่อวันอาทิตย์ (3 เม.ย) ว่า “มีผู้เสียชีวิตกว่า 90 รายในโศกนาฏกรรมในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอีกครั้ง”
“ยุโรปได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการรองรับผู้ลี้ภัย 4 ล้านคนจากยูเครนอย่างใจกว้าง และมีประสิทธิภาพ” และ “ตอนนี้ยุโรปมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะนำสิ่งนี้ไปใช้กับผู้ลี้ภัย และผู้อพยพหน้าประตูบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือ”
องค์การแพทย์ไร้พรมแดนย้ำว่าผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือเมื่อวันเสาร์ ‘ต้องการการปกป้องดูแลอย่างเร่งด่วน’ และกล่าวว่า“ผู้รอดชีวิตไม่ควรที่จะต้องถูกส่งกลับไปในที่ที่พวกเขาต้องถูกจองจำ ทารุณ และถูกปฏิบัติแบบแย่ ๆ ซึ่งลิเบียไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัย”
ความพินาศของลิเบียเกิดจากความขัดแย้ง และไร้ระเบียบกว่าทศวรรษ หลังจากชาติตะวันตกได้เข้ามาล้มอดีตผู้นำมูอัมมาร์ กัดดาฟีลงในปี 2011 หลังจากนั้นลิเบียก็กลายสภาพเป็นรัฐล้มเหลว เต็มไปด้วยการก่อการร้าย รัฐบาลคอรัปชั่น การค้ามนุษย์และสิ่งผิดกฎหมาย และสงครามกลางเมือง
นอกจากนี้ลิเบียยังได้กลายมาเป็นจุดออกเดินทางอพยพหลักของชาวแอฟริกัน และเอเชียที่พยายามจะหนีไปยุโรป ผู้อพยพมักจะพบเจอกับสภาพที่เลวร้ายในลิเบียก่อนที่จะออกเดินทางไปทางเหนือบนเรือที่แออัดเกินไป หรือไม่ปลอดภัยสำหรับการเดินเรือซึ่งมักจะล่ม หรือเกิดอุบัติเหตุ
สหภาพยุโรปเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยยามชายฝั่งลิเบีย เพื่อพยายามลดจำนวนผู้อพยพที่จะเดินทางมาถึงชายฝั่งยุโรป
ทั้งนี้ผู้อพยพที่ถูกส่งกลับจะต้องเผชิญกับการถูกทารุณกรรมอย่างโหดเหี้ยมในสถานกักกัน