Here We Go (1) บ้านเมืองของเรากำลังไปทางใด
บ้านเมืองของเราวันนี้มาถึงจุดน่าสนใจเป็นที่สุด และจะน่าสนใจยิ่งขึ้นเรื่อยโดยที่เราๆ ท่านๆ ควรต้องติดตามศึกษา จึงเกิดความคิดที่ว่า พวกเราคนไทยสมควรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน การเมืองก็ดี เศรษฐกิจก็ดี สังคมก็ดี หรือประเด็นอื่นๆ ที่กำลังร้อนๆ อุ่นๆ ในบ้านเมืองของเรา ควรนำมาเล่าสู่กันฟัง อย่างน้อยก็พอมีข้อเท็จจริงให้ไปหาความรู้เพิ่มเติม
สัปดาห์นี้ขอเริ่มต้นที่การระบาดของไวรัสโอมิครอน เชื้อโรคร้ายนี้ยังเป็นความเสี่ยงสูงสุดของพวกเรา ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงขึ้นเกือบจะแตะวันละสองหมื่นคนแล้ว ข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญทุกฝ่ายบอกว่าไทยเรายังเป็นขาขึ้นของการระบาด ตัวเลขสูงขึ้นอีกได้อาจจะสองหมื่นถึงสามหมื่นคนต่อวัน แต่อาการของโอมิครอนไม่รุนแรง ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนใหญ่เชื้อไม่ลงไปถึงปอด ติดเชื้อแล้วไม่เกินสิบวันอาการจะดีขึ้นบางรายเกือบปกติ อันตรายถึงชีวิตไม่มากนัก แต่ประมาทไม่ได้ เพราะมีข้อมูลใหม่ว่าโอมิครอนชนิด BA.2 มีความน่ากลัวมากกว่า BA.1 ถ้ามาแทนที่ล่ะก็ ความรุนแรงมีมากขึ้น เชื้อลงปอด ติดเชื้อง่าย ต้านทานวัคซีนได้ดี ประเด็นสำคัญคือรัฐบาลจะรับมืออย่างไร สร้างสมดุลระหว่างการดูแลสุขภาพของคนไทยกับทำให้คนไทยใช้ชีวิตตามปกติและทำมาหากินได้ โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย ทำธุรกิจครอบครัวหรือรายเล็กๆ สายป่านสั้นมากๆ อยากเห็นพวกเราทำหากินได้ ไม่หยุดชะงักอีก และอยู่กับโรคนี้ได้ ไม่ว่าจะมาอีกกี่สายพันธุ์ คาถา สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง ไม่อยู่ในที่แออัด ใช้ได้ดีและต้องช่วยกันทำต่อไป
เศรษฐกิจยังไม่ค่อยดีนัก การผ่อนคลายมาตรการกำกับควบคุมให้คนไทยใช้ชีวิตปกติเพิ่มขึ้น ดีต่อการฟื้นฟูสภาพการค้าขายขนาดเล็ก เที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง บัตรสวัสดิการ การช่วยเหลือผู้สูงอายุ เด็ก คนพิการผ่านการอุดหนุนเงินแม้ไม่มากนักแต่ยามเดือดร้อนเช่นนี้มีผลดีมากกว่าเสีย การที่ต่างประเทศยอมรับผลการแก้ปัญหาโควิด 19 ทำให้การท่องเที่ยวการเดินทางข้ามประเทศมีโอกาสขยายตัว ฝ่ายการเมืองของรัฐบาลมีแนวทางสอดคล้องกัน “ฟื้นฟูประเทศภายใต้การรักษาสมดุลทางเศรษฐกิจและสาธารณสุข” ส่วนฝ่ายค้านประกาศตรวจสอบ ติดตาม ตำหนิติเตียน ถ้าอยู่บนพื้นฐานมีบ้านเมืองและประชาชนเป็นศูนย์กลางก็น่าจะดีต่อส่วนรวม
มองดูการเมือง เราเพิ่งผ่านการอภิปรายทั่วไปรัฐบาลมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ข้อดีคือคนไทยได้รู้จักนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านดีขึ้น การอภิปราย ท่าทีกิริยาอาการที่แสดงออก เนื้อหาสาระ บ่งบอกถึงตัวตนของนักการเมืองเองและพรรคที่สังกัด เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี การตอบคำถามบ่งบอกวิสัยทัศน์และผลงาน วิถีเช่นนี้คนไทยได้กำไรเสมอ แต่มีเรื่องหนึ่งที่คนไทยตั้งข้อสังเกตค่อนข้างมากคือ กรณีนายตำรวจคนหนึ่งกับการค้ามนุษย์ที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางคนกับแฟนคลับพยายามเชื่อมโยงเรื่องให้ไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปหยิบเอาวาทกรรมตั๋วช้างมาใช้อีก ทั้งที่เรื่องนี้เป็นความไม่ชอบมาพากลภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ความไม่เป็นธรรมในการบริหารราชการในวงการตำรวจกันเอง เมื่อตำรวจดีคนหนึ่งถูกผู้บังคับบัญชาไม่ให้ความเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นตำรวจด้วยกันเองหรือนักการเมือง ก็ต้องไปเล่นงานผู้บังคับบัญชาเหล่านั้น ข้อสังเกตสำคัญคือ คนที่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาและพยายามเบี่ยงเบนบิดเบือนไปไกลถึงสถาบันพระมหากษัตริย์มีเจตนาดีต่อกรณีที่เกิดขึ้นจริงหรือ หรือมีความประสงค์ร้ายบางอย่างซ่อนอยู่ “สิ่งใดเกิดแต่เหตุ ก็ให้แก้ไขที่เหตุ” เป็นสัจธรรมที่ควรน้อมนำมาแก้ปัญหาเรื่องนี้ ปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจังเสียที อย่ากลัวว่าตำรวจจะไม่ทำงานหรือใส่เกียร์ว่าง มีตำรวจดีๆ จำนวนมากรอการแก้ปัญหาภายในของพวกเขา
การเมืองของบ้านเมืองเรามีเรื่องราวใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกสัปดาห์ สัปดาห์นี้ต้องติดตามการแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญสองฉบับที่ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกับว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งจะมีการพิจารณาในรัฐสภา ดูเรื่องนี้แบบผ่านๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่เมื่อเข้าไปดูรายละเอียดการเสนอแก้ไขของบางพรรคการเมืองกลับพบว่า มีการสอดแทรกหลายประเด็นเอาไว้ในร่างที่เสนอจากพรรคการเมือง โดยเฉพาะให้ยกเลิกบทบัญญัติที่ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมือง เป็นต้น ประเด็นนี้ต้องช่วยกันดูผลดีผลเสีย รวมทั้งเจตนาของผู้เสนอ ถ้าแก้เช่นว่านี้ใครได้ประโยชน์และการเมืองจะเป็นอย่างไรในอนาคต ภายในสัปดาห์นี้คนไทยจะได้กฎหมายเรื่องการเลือกตั้งและพรรคการเมืองที่แก้ไขใหม่ตามรัฐธรรมนูญที่แก้ไขไปแล้ว ที่น่าสนใจคือ หลังจากกฎหมายสองฉบับนี้ได้รับความเห็นชอบและมีผลบังคับใช้ เรื่องการเมืองคงจะเข้มข้นร้อนแรงยิ่งกว่าที่ผ่านมา เพราะกระแสเรียกร้องให้ยุบสภาจะเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลจะอยู่ถึงการเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปคในเดือนพฤศจิกายน 2565 หรือไม่ รัฐบาลอยากอยู่ให้ถึง แต่ฝ่ายค้านคงไม่อยากให้อยู่ถึง
ทุกเรื่องที่รวบรวมมาแลกเปลี่ยนกันล้วนแต่มีผลต่อพวกเราทุกคน เรื่องของบ้านเมืองยิ่งใหญ่กว่าเรื่องของการเมือง บ้านเมืองต้องมาก่อน ประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชนต้องมาก่อนประโยชน์ทางการเมือง ทุกข์สุขของประชาชนต้องมาก่อนประโยชน์ที่พรรคการเมืองและนักการเมืองจะได้รับ ติดตามดูกัน คิดวิเคราะห์สิ่งที่ได้อ่าน ได้ฟัง อย่างถี่ถ้วน เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของข้อมูลข่าวสารที่ถูกบิดเบือน แล้วพบกันใหม่
โดย : แกงส้ม