คุณสมบัติและความย้อนแย่งของ นักทฤษฎีประชาธิปไตย “จอมปลอม” อวดอ้างอุดมการณ์ ต่อต้านเห็นต่าง นั่งบนหอคอยงาช้าง เหยียบย่างบนมวลชน
“อุดมการณ์” เป็นอะไรที่ทรงพลัง ยิ่งใหญ่ และถูกมองว่าอยู่เหนือกาลเวลาปัจจุบัน สามารถส่งสารข้ามทศวรรษ ศตวรรษ และอสงไขย ได้ตราบที่อุดมการณ์นั้นยังคงความทรงพลังอยู่ ทว่าบ่อยครั้งที่อุดมการณ์ถูกใช้ในการหาประโยชน์เข้าตัวและพวกพ้องโดยวิธีการนานาประการ รวมทั้งการใช้งาน “กลุ่มมวลชน” ในการบรรลุเป้าหมายของตน ไม่ว่าจะส่งผลดีต่อกลุ่มมวลชนดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งในใจลึก ๆ ของนักทฤษฎีอุดมการณ์ส่วนหนึ่งนั้น ไม่ได้มองมวลชนของตนในระดับเดียวกัน แต่กลับมองคุณค่าพวกเขาต่ำกว่าตนอยู่มาก
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะนักทฤษฎีอุดมการณ์ส่วนหนึ่งมีความเชื่อหนึ่งที่ดูเหมือนจะดี คือ แนวคิดการรักษาความบริสุทธิ์ของอุดมการณ์ตนเอง กล่าวคือ อุดมการณ์ที่ตนยอมรับและนำมาขับเคลื่อนเป้าหมายของตนนั้นจำเป็นจะต้องมีความเป็นบริสุทธิ์และไม่ให้มีการแปลกปลอม ดัดแปลง หรือตัดทอนไปจากความเชื่อทางอุดมการณ์ของตน ซึ่งแนวคิดนี้ในทางหนึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะการรักษาความบริสุทธิ์ของอุดมการณ์นั้นคือการรักษาคุณค่าความเชื่อนั้นทั้งหมดและสามารถผลักดันอะไรต่าง ๆ ได้ดีกว่าการที่มีอะไรมาดัดแปลงไปหมด แต่อีกมุมหนึ่ง ไม่ใช่ทุกคนที่จะมายอมรับความบริสุทธิ์อะไรได้หมดทุกอย่าง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่ได้มาสนใจเรื่องอุดมการณ์อะไรพวกนี้อย่างจริงจังและการจะมายัดเยียดความบริสุทธิ์ให้กลุ่มผู้คนหมู่มากทางสังคมให้ยอมรับทั้งที่พวกเขาอาจจะยอมรับอยู่บางส่วนก็ได้ แต่ไม่ได้มีโอกาสที่จะมาเสพอุดมการณ์เบื้องลึกอย่างที่นักอุดมการณ์สามารถกระทำได้ และกรณีของ “อุดมการณ์ประชาธิปไตย” จึงเป็นอะไรที่อธิบายกรณีนี้ได้ดี
เหตุคือ อุดมการณ์ประชาธิปไตย มีหลากเฉด มีหลายมุมมอง การจะมาตัดสินและใช้มุมมองของตนในฐานะความคิดที่บริสุทธิ์จึงเป็นอะไรที่เหยียบย้ำความคิดอื่น ๆ อย่างสิ้นซากและบ่อยครั้งที่การกระทำดังกล่าวทำให้เกิดปฏิกิริยามุมกลับที่ผู้คนส่วนหนึ่งเลือกที่จะทอดทิ้งอุดมการณ์ดังกล่าวไปเลยเพราะการไม่ยอมรับความหลากหลายกันและกัน ยังไม่นับถึงกลุ่มมวลชนของอุดมการณ์ประชาธิปไตยในเฉดต่าง ๆ ที่มีบางกรณีที่มีการใช้งานอะไรต่าง ๆ เพื่อผลักดันความต้องการของตนให้เป็นจริง และไม่ให้ใส่ใจในความต้องการของพวกเขาจริง ๆ บ่อยครั้งด้วยซ้ำที่มองพวกเขาต่ำกว่าตน มองว่า รู้เรื่องประชาธิปไตย รู้เรื่องการเมือง น้อยกว่าตน ทั้งที่พวกเขามีภาระในชีวิตอย่างแสนสาหัสและยังเป็นแขนขาของนักอุดมการณ์ทั้งหลายอย่างเต็มใจ เพราะเชื่อใจและต้องการสิ่งที่ดีกว่า แต่กลับถูกตอบรับด้วยการหลอกไปวัน ๆ และพร้อมที่จะทอดทิ้งพวกเขาได้ทุกเมื่อ
ดังนั้น การเข้าใจความเป็นจริงเกี่ยวกับผู้คนทางสังคม โดยเฉพาะสังคมรากหญ้าที่ต้องการความช่วยเหลือและโอกาสในการพัฒนาและนำพวกเขาสู่สิ่งที่ดีกว่า จึงเป็นอะไรที่สำคัญมาก และการใช้พลังสังคมดังกล่าวเพื่อผลักดันอุดมการณ์ตนโดยไม่ได้เหลียวแลความต้องการของพวกเขาจริง ๆ จึงเป็นการทรยศความเชื่อใจของกลุ่มมวลชน และยิ่งไม่ได้มองพวกเขาในฐานะเดียวกันแต่กลับมองในบทบาทที่ต่ำกว่าและพร้อมเขี่ยทิ้งทุกเมื่อ จึงเป็นอะไรที่สลด น่าละอายใจ และได้แค่หวังว่า พวกเขาจะได้เติบโต ได้รับโอกาสในการลุกขึ้นมาสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยอุดมการณ์จากพลังของผู้นำความคิดที่เหลียวมองและจริงใจต่อพวกเขาอย่างแท้จริงต่อไป