‘เซเลนสกี’ ใช้กฎอัยการศึก เพื่อระงับไม่ให้มีการเลือกตั้งในปีนี้ พร้อมสั่งยุบฝ่ายค้านแล้วกว่า 10 พรรค ท่ามกลางเสียงกดดันจากชาติตะวันตก
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (26 ก.ค.) ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เสนอให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งจะเป็นการเลื่อนการเลือกตั้งรัฐสภาที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ไปโดยอัตโนมัติ
เซเลนสกี ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 และได้ขยายเวลาดังกล่าวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยปธน.ยูเครน ได้ออกคำสั่งให้ขยายการใช้กฎอัยการศึกต่อไปอีก 90 วัน ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 18 สิงหาคม ทั้งนี้หากรัฐสภายูเครนมีมติเห็นชอบการขยายเวลาดังกล่าว สถานการณ์ฉุกเฉินจะขยายออกไปจนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน
กฎหมายยูเครนกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาไม่เกินวันที่ 29 ตุลาคม 2566 โดยมีเวลาประมาณ 60 วันในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญยังห้ามไม่ให้มีการหาเสียงและการลงคะแนนเสียงในระหว่างที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก
ที่ผ่านมาผู้สนับสนุนยูเครนบางส่วนในยุโรปและอเมริกาเหนือได้ออกมาวิจารณ์กรณีที่การเลือกตั้งอาจถูกเลื่อนออกไป
โดยประธานสมัชชารัฐสภาคณะมนตรียุโรป (PACE) กล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนพฤษภาคมว่า ยูเครนควรเตรียมพร้อมสำหรับการลงคะแนนเลือกตั้งโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“แม้ว่าประชาธิปไตยจะเป็นมากกว่าการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว แต่ผมคิดว่าเราทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าหากไม่มีการเลือกตั้ง ประชาธิปไตยจะไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์” ประธาน PACE กล่าว
ในช่วงปลายปี 2019 โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในฐานะ “ผู้สมัครแห่งสันติ” ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นกว่า 73% อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปี 2020 เขาเลิกใช้แนวคิดเรื่องสันติภาพในภูมิภาคดอนบาส (Donbass) และเริ่มพูดคุยอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหาโดยใช้กำลังทหารสำหรับ “ดินแดนที่ถูกยึดครอง”
ในเดือนพฤษภาคม 2565 เพียง 3 เดือนหลังจากที่ความขัดแย้งกับรัสเซียทวีความรุนแรงขึ้น เซเลนสกีได้ออกกฎหมายที่อนุญาตให้เขาสั่งแบนพรรคการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่า “ฝักใฝ่รัสเซีย” โดยไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ใดๆ ทั้งนี้ จนถึงตอนนี้ เซเลนสกีได้สั่งยุบพรรคการเมืองฝ่ายค้านแล้วกว่า 10 พรรรค