ถ้าจำเป็นหมื่นล้านก็ต้องจ่าย ‘วิโรจน์’ ยืนยัน ‘ก้าวไกล’ สนับสนุนการจัดซื้ออาวุธของกองทัพ ชี้ ‘เพื่อไทย’ เป็นฝ่ายที่ตัดงบประมาณ
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2567 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และประธาน กมธ.ทหาร สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว ทูเดย์ โดยกล่าวว่า “(พรรค) ก้าวไกลเห็นด้วยกับการจัดซื้อ ไม่เห็นด้วยกับการปรับลดงบประมาณ (การซื้อเรือฟริเกตมูลค่า 17,000 ล้านบาท)” อีกทั้งยังระบุว่า กรรมาธิการที่มาจากพรรคเพื่อไทย เป็นผู้ตัดงบประมาณดังกล่าว
นายวิโรจน์ตั้งคำถามพาดพิงถึงนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งมาจากพรรคเพื่อไทยว่า “ผมตั้งคำถามง่าย ๆ คุณสุทินยังมีน้ำงิ้วอยู่รึเปล่า ? มีภาวะผู้นำในพรรคเพื่อไทยรึเปล่า?”
เมื่อถูกถามว่า พรรคก้าวไกลเห็นด้วยกับการจัดซื้อเรือฟริเกตหรือไม่ ? นายวิโรจน์ตอบว่าเห็นด้วย ภายใต้เงื่อนไขว่าจะต้องเป็นการต่อเรือในประเทศไทย” จากนั้นกล่าวต่อว่า ทางกองทัพเรือมีเอกสารยืนยันกับ กมธ. และทางพรรคก้าวไกลเห็นด้วยโดยไม่มีคำถาม แต่เป็นทางพรรคเพื่อไทยที่เป็นฝ่ายตัดงบประมาณ โดยไม่ให้เหตุผลในการตัดงบฯ
นายวิโรจน์กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้ว ตนเองให้การสนับสนุนในนโยบายการจัดซื้อเรือฟริเกตอย่างเต็มที่ เท่าที่ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของตนเองมี แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาสร้างความผิดหวังให้แก่นายวิโรจน์
“ผมยืนยันนะ ก้าวไกลเรา เรื่องอาวุธยุโธปกรณ์ ผมตั้งคำถาม คุณจะมีกองทัพเรือได้ยังไง ถ้าปรากฎว่ากองทัพเรือมีแต่เรือที่กำลังจะปลดระวาง เราต้องซื้ออย่างมีเหตุมีผล เราไม่ได้ว่าเอาเรือไปแลกเรือ” นายวิโรจน์กล่าว
นายวิโรจน์ยังกล่าวถึงการจัดซื้อเครื่องบนิรบของกองทัพอากาศ โดยระบุว่า ถ้ามี Offset Policy มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีเข้ามาในประเทศ มีการส่งเสริมอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของไทย หรืออาจจะมีการลงทุนทางตรง และมีความจำเป็น สมเหตุผล ตนเองจะไม่ขวาง
“เราจะมีกองทัพอากาศที่ปกป้องน่านฟ้าได้ยังไง ถ้าเราไม่มีเครื่องบินที่มีศักยภาพ แล้วผมทำใจให้ทหารใช้เครื่องบินที่ไม่มีความปลอดภัยไม่ได้หรอก” แต่ราคาต้องสมเหตุสมผล เงื่อนไขต้องได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ประชาชนได้ประโยชน์ผลโพชน์ด้วย” นายวิโรจน์กล่าว
นายวิโรนจ์กล่าวว่าการตัดสินใจเรื่องงบประมาณต้องพิจารณาถึงความจำเป็นและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ถ้ามีความจำเป็น แม้งบประมาณจะสูงถึงหมื่นล้านก็ต้องจ่าย แต่ถ้าไม่มีความจำเป็น แม้แต่บาทเดียวก็ไม่ต้องจ่าย