วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. พรรคก้าวไกล วันที่ 4 เม.ย. 2567
ในการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ ของสภาผู้แทนราษฎร์ เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว. คลัง ได้อภิปรายชี้แจง โดยในตอนหนึ่งได้กล่าวพาดพิงพรรคฝ่ายค้านว่า พรรคฝ่ายค้านคงยังงงอยู่จากที่เคยบอกให้เอาเรือประมงมารบแทนเรือรบ วันนี้กลับมาสนับสนุนให้ซื้อเรือรบ
ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. พรรคก้าวไกล และประธาน กมธ. ทหาร โพสต์ใน X เพื่อตอบโต้นายเศรษฐาโดยมีข้อความว่า
เศรษฐา ตอบเหมือนประยุทธ์เลยอ่ะ ที่กล่าวหาว่า ‘ฝ่ายค้านให้เอาเรือประมงมารบ’ รู้เลยว่า น่าจะเป็นวัยรุ่นท็อปนิวส์
สำหรับสำนักข่าวท็อปนิวส์ ภายหลังการถูกพาดพิง ได้นำเสนอข่าวตอบโต้เพื่อยืนยันว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เคยกล่าวเอาไว้ในรายการกรรมกรข่าวเปิดอกคุย เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2566 โดยในวันนั้น นายพิธาได้กล่าวว่ากองทัพสมัยใหม่ จะต้องมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเอาไว้รับมือกับภัยการคุกคามแบบใหม่ ๆ ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีความมั่นใจในความมั่นคงของประเทศมากขึ้น
นายพิธากล่าวต่อว่ายิ่งมีจำนวนพลทหารมาก ก็จะทำให้กองทัพไม่มีงบประมาณไปพัฒนาเทคโนโลยีด้านอาวุธ โดยยกตัวอย่างสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่มีการทำสงครามไซเบอร์ทำลายระบบสาธารณูปโภคของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งนี่ถือว่าเป็นภัยคุกคามแบบใหม่ซึ่งประเทศเทยเองก็กำลังเผชิญหน้าอยู่
นายพิธาระบุว่า งบประมาณความมั่นคงต้องดูเป็นเรื่อง ๆ และเห็นว่ากองทัพควรจะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากกว่ากำลังพล จึงไม่ควรจะให้งบประมาณไปอยู่ที่กำลังพลมากจนเกินไป และควรจะมีการแบ่งงบประมาณในส่วนนี้เพื่อการรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ เช่น PM 2.5 ปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือสังคมสูงวัย
สำหรับในส่วนที่มีการกล่าวถึงการใช้เรือประมงนั้น นายพิธากล่าวว่า “เดี๋ยวนี้เวลากองทัพเรือเขารุกกัน เขาไม่ได้ใช้เรือดำน้ำครับ เขาใช้เรือประมง คุณไปดูเวียดนามกับจีน มันเป็นการคุกคามการสร้างให้เกิดความวิตกจริตของแต่ละประเทศ มันมีการซ้อมรบกันจริง แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นจริง”