
วิมล สวน เวียง เจ็บ‘เขารังเกียจผม แต่ก็ของานของผมไปขาย’‘ผมให้ไป ทั้ง ๆ ที่ผมก็พิมพ์ขายอยู่เหมือนกัน’ ‘รักประชาธิปไตย แต่เห็นต่างคือศัตรู!’
จากกรณีที่นายวชิระ บัวสนธ์ หรือ เวียง นักเขียนผู้มีนามปากกาว่า “ดอนเวียง” และบรรณาธิการสำนักพิมพ์สามัญชน ได้โพสต์เฟสบุ๊คของเขาเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 66 ว่า “ถ้าลูกผมพออ่านออกเขียนได้ ผมจะรีบบอกลูกว่า…ไพวรินทร์ ขาวงาม, วิมล ไทรนิ่มนวล, วินทร์ เลียววาริณ, ไพฑูรย์ ธัญญา, เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และชาติ กอบจิตติ คนพวกนี้เป็นนักเขียนและกวีที่โคตรงามไส้” นั้น
ทำให้นายวิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถูกพาดพิง ได้โพสต์เฟสบุ๊คโต้กลับในวันที่ 5 มิ.ย. 66 ว่า
“ว่าด้วยเรื่อง “งาม…ไส้”
“เวียง วชิระ บัวสนธิ์” เจ้าของ “สำนักพิมพ์สามัญชน” เคยขอนวนิยายชุด “ความเชื่อและอำนาจ” ที่ประกอบด้วยนวนิยาย 4 เรื่อง คือ งู คนทรงเจ้า จ้าวแผ่นดิน โคกพระนาง และเขียนยกย่องนวนิยายชุดนี้ไว้ที่ปีกปกอย่างขลัง และน่าประทับใจ แม้เขาจะเข้าไม่ถึงแก่นของนวนิยายชุดนี้
เพราะเขาเข้าใจเพียงว่าเป็นนวนิยายที่วิเคราะห์สภาพสังคมไทย โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การโจมตีศาสนาและเจ้า เช่นเดียวกับนักวิจารณ์และนักวิชาการวรรณกรรมทั้งหมด ที่ผมได้อ่านงานวิจารณ์ของพวกเขา
* ไม่มีใครมองเห็นว่านวนิยายแต่ละเรื่องพูดเรื่อง “ความเชื่อนำมาซึ่งอำนาจ และอำนาจนำไปสู่ความบ้าคลั่งชั่วร้าย ความบ้าคลั่งชั่วร้าย นำไปสู่ความล่มสลายของความเป็นมนุษย์และสังคม”
ดูพรรคก้าวหน้ากับสามกีบตอนนี้
* ไม่มีใครมองเห็นว่านวนิยายชุดนี้พูดถึง “สภาวะสูงสุดของความเป็นมนุษย์” อันก่อเกิดและนำไปสู่ความเชื่อและอำนาจของเหล่ามนุษย์ดังกล่าวข้างต้น
” ไม่มีใครมองเห็นคลื่นของความเชื่อและอำนาจที่โหมซัดเอาสังคมมนุษย์ไปตามอำนาจและความเชื่อของเหล่ามนุษย์นั้น และสุดท้ายมันจะทำลายความเป็นมนุษย์ของตนเองและสังคมให้พังทลายลง” อย่างที่เคยเป็นมาและกำลังเป็นอยู่โดยพวกสามกีบอยู่ตอนนี้
สำนักพิมพ์สามัญชน.. ยังขอนวนิยาย “อมตะ” ที่ได้รับรางวัลซีไรต์ไปพิมพ์และพิมพ์หลายครั้ง ทั้งปกอ่อนและปกแข็ง ผมให้ไปเพราะอยากแสดงน้ำใจที่เขานำงานชุด “อำนาจและความเชื่อ” ไปพิมพ์ ที่อาจจะขายได้ช้า เพื่อว่าเขาจะได้กำไรจากเรื่อง “อมตะ” เร็วขึ้น และก็เร็วจริง ผมให้ไปทั้งที่ผมก็ทำสำนักพิมพ์และพิมพ์เรื่องนี้ขายอยู่
สำนำนักพิมพ์สามัญชน.. ยังพิมพ์งานเขียนใหม่ล่าสุดของผมตอนนั้น “วิญญาณที่ถูกเนรเทศ” และขายหมด
แต่ตอนที่เขาเป็นเสื้อแดงและผมไม่เป็นด้วย เขาจึงรังเกียจผม แต่ก็ขอพิมพ์ “อมตะ” อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย ผมก็ยินดี
เมื่อพิมพ์เสร็จเขาก็ส่งหนังสือไปผมให้ 20 เล่มตามธรรมเนียม และจ่ายค่าลิขสิทธิ์ พร้อมกันนั้นเขาก็บอกว่า “เราต่างคนก็แยกย้ายกันไป” และยกเลิกการเป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊ค
แต่ยังขายหนังสือของผมต่อไป!
ตอนนี้เห็นคนคอมเมนต์ชเลียร์เขาว่า.. เลิกซื้องานของผมอ่านแล้ว เพราะลืมดูไปว่าใครที่พิมพ์งานของผม!
ผมไม่ทราบว่า “เวียง” เปลี่ยนจากเสื้อแดงเป็นเสื้อส้มหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน พวก “ก้าวหน้าประชาธิปไตย” ก็เหมือนกันทุกคน อย่างวัฒน์ วรรลยางกูรที่หาเรื่องด่าคนที่เห็นต่างไปทั่ว หรือกวีคนหนึ่งที่ส่งข้อความด่าผมอย่างป่าเถื่อน ด่าไปถึงพ่อแม่ ท้าตีท้าต่อยอีกต่างหาก!
ตอนนี้ก็เวียง วชิระ บัวสนธิ์ เหมือนกับวัฒน์ วรรลยางกูรอย่างกับถอดออกมาจากพิมพ์เดียวกัน
ล้วนแต่เป็นผู้รักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรมและความเท่าเทียม รักเสรีภาพ ภราดรภาพ เสมอภาคทั้งนั้น แต่ห้ามใครเห็นต่าง! เห็นต่างคือศัตรู!
“ความเชื่อก่อเกิดอำนาจ อำนาจนำไปสู่ความบ้าคลั่งชั่วร้าย……. สุดท้ายมันทำลายความเป็นมนุษย์ของตนเองและสังคมให้พังทลาย”
เวียงต้องกลับไปอ่านนวนิยายชุด “อำนาจและความเชื่อ” ที่ตนพิมพ์อีกครั้ง.
ขอบคุณมือที่คว้าไปและตีนที่ยื่นมา.”