แผนการผลิตไฟฟ้าระยะยาว หรือ PDP ของไทยเป็นอย่างไร
ตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้งเป็นต้นมา ประเด็นด้านพลังงานไฟฟ้าก็ถูกพูดคุยอยู่ในแวดวงต่าง ๆ บางคนวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่หรือนำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาในประเด็นต่าง ๆ นานา ซึ่งก็มีผู้ฟัง ผู้อ่าน และผู้แสดงความคิดเห็นมากมาย
.
แต่บางคนอาจจะไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วประเทศไทยนั้น มีการจัดทำแผนพลังงานในระยะยาว และมีการทบทวนปรับปรุงให้แผนนั้นเป็นไปตามความต้องการ แนวนโยบาย และสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น นั่นคือ “แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ” หรือ PDP ซึ่งจัดทำมาแล้วเป็นระยะเวลากว่า 30 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2535
.
โดยฉบับใหม่ที่มีการร่างอยู่ ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 2566-2580 คือ PDP 2023 และจะมาแทนที่ PDP 2018 ที่ใช้ในปัจจุบัน มีรายละเอียดเป็นอย่างไร ไปดูกัน
.
จากข้อมูลมีการระบุว่า ในระยะเวลาดำเนินการของแผน รัฐบาลมีความต้องการให้ราคาค่าไฟตลอดแผน (2566-2580) อยู่ที่ 5 บาทต่อหน่วย ซึ่งเกิดจากการใช้พลังงานทดแทนหรือพลังงานหมุนเวียน ที่มีต้นทุนที่ถูกกว่าจากเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น
.
เหตุนี้เอง ในแผน PDP 2023 นั้นมีความมุ่งมั่นให้ประเทศไทยมีการเปลี่ยนผ่านไปพึ่งพาพลังงานทดแทนที่ไม่ใช่พลังงานจากปิโตรเลียมหรือถ่านหิน ซึ่งในปัจจุบันก็มีการใช้อยู่แล้ว ที่ประมาณ 20% ของฐานการผลิตไฟฟ้า และมีการคาดการณ์ไว้ว่าจะขึ้นไปถึงสัดส่วน 50-60% ในระยะ 10 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่จะทำให้ราคาพลังงานถูกลง
.
อีกทั้งในหมู่พลังงานทดแทนที่ถูกมองว่าจะนำมาใช้ใน PDP 2023 ก็มีการวางแผนในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์อยู่ด้วย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพลังงานสะอาดที่มีประสิทธิภาพและใช้จริงได้อย่างปลอดภัยแล้วในหลายประเทศทั่วโลก
.
โดยในแผนนั้นมีการปรับเปลี่ยนให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีขนาดเล็กลง เพื่อความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของประชาชน รวมถึงให้มีขนาดที่เหมาะสมกับกำลังการผลิตที่เป็นที่ต้องการ และแผนการสร้างโครงการโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นจะอยู่ที่ช่วงปลายแผน คือราว ๆ ปลายช่วง 2570-2580
.
ในขณะเดียวกัน จะปล่อยให้โรงไฟฟ้าถ่านหินที่ยังคงใช้งานได้อยู่ ซึ่งมีเพียงโรงเดียวคือ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ให้ยังคงดำเนินการไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีการบรรจุแผนการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ขึ้นมาแล้ว เนื่องจากเป็นการผลิตไฟฟ้าที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
.
ทั้งหมดนี้เป็นหนึ่งในรายละเอียดหลักที่น่าสนใจของแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ ที่จะปรับใช้จริงในระยะ 10-20 ปีในปัจจุบัน และเมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา การทบทวนปรับปรุงแผนจะไปในทิศทางใด ก็เป็นสิ่งที่จะต้องจับตามองสำหรับผู้สนใจประเด็นด้านพลังงานของประเทศ