สวนสัตว์อังกฤษอาจการุณยฆาตสัตว์ เหตุวิกฤตราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นสามเท่า

สวนสัตว์ทั่วสหราชอาณาจักรอาจต้องปิดตัวลง เซ่นปัญหาราคาพลังงาน โดยสัตว์บางส่วนอาจต้องถูกการุณยฆาต

สัปดาห์ที่แล้ว สวนสัตว์บริสตอล ซึ่งเป็นหนึ่งในสวนสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งดำเนินกิจการมากว่า 186 ปี ได้ปิดตัวลงจากปัญหาด้านการเงิน โดยทางสวนสัตว์จะย้ายสัตว์บางส่วนไปที่อุทยานอนุรักษ์สัตว์ป่าในอังกฤษ ในขณะที่สัตว์ที่เหลือจะถูกย้ายไปที่สวนสัตว์อื่นๆ ทั่วโลก

เจมี่ คริสตัน ซีอีโอของสวนสัตว์เชสเตอร์ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ ซึ่งมีสัตว์มากกว่า 20,000 ตัว แจ้งว่า ค่าพลังงานประจำปีซึ่งปกติจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านปอนด์ (54.5 ล้านบาท) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านปอนด์ (73 ล้านบาท) ในปีนี้ และอาจพุ่งขึ้นแตะ 3 ล้านปอนด์ (109 ล้านบาท) ในปีหน้า

คริสตัน ยังระบุด้วยว่า วิกฤตค่าครองชีพส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยว โดยอธิบายเพิ่มเติมว่า “ผู้คนยังพอมีเงินอยู่ แต่ระวังเรื่องการจับจ่ายใช้สอยอย่างมาก โดยในปีหน้าคาดว่า พวกเขาเหล่านั้นคงจะไม่เหลือเงินสำหรับจับจ่ายใช้สอย”

ในขณะที่ ฟิลลิป มิลเลอร์ เจ้าของ Sealife Adventure ซึ่งเป็นซู อะควาเรียมในเซาเทิร์นออนซี กล่าวกับ iTv ว่า เขาอาจต้องทำการุณยฆาตสัตว์บางตัว เนื่องจากค่าไฟฟ้า/ปี ที่เพิ่มขึ้นสามเท่าจาก 240,000 ปอนด์ (8.8 ล้านบาท) เป็นเกือบ 750,000 ล้านปอนด์ (27.3 ล้านบาท)

“เราต้องคอยรักษาระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับสัตว์ตลอด 24 ชั่วโมง และสัตว์ต้องกินทุกวัน ค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เหล่านี้จึงสูงมาก ดังนั้นสัตว์น้ำในซู อะควาเรียมบางตัวจะต้องถูกทำการุณยฆาต เนื่องจากเราไม่มีทางเลือกอื่น เราไม่สามารถย้ายสัตว์น้ำเราไปซู อะควาเรียมอื่นได้ เพราะพวกเขาก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเรา” มิลเลอร์ กล่าว

เช่นเดียวกับธุรกิจและองค์กรการกุศลอื่นๆ ในสหราชอาณาจักร สวนสัตว์ไม่ได้รับประโยชน์จากเพดานราคาพลังงานที่รัฐบาลอังกฤษกำหนด เจ้าของสวนสัตว์และผู้ประกอบการสวนสนุกได้แต่คาดหวังว่ารัฐบาลใหม่ที่นำโดยลิซ ทรัสส์ จะจัดการกับปัญหานี้

(1 ดอลลาร์ = 36.34 บาท)