Newsเศรษฐกิจดิจิทัลมาแรง PWC ชี้เศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาแรง และจะมีมูลค่า 35 ล้านล้านบาท ภายในปี 2573

เศรษฐกิจดิจิทัลมาแรง PWC ชี้เศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาแรง และจะมีมูลค่า 35 ล้านล้านบาท ภายในปี 2573

ไพรซ์วอเทอร์เฮาส์คูเปอส์ หรือ พีดับบลิวซี (PwC) บริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีและผู้ให้คำปรึกษาชั้นนำ กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “อัดแน่นไปด้วยพลัง” ที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านไปสู่การชำระเงินดิจิทัลและนวัตกรรมอื่นๆ ในบริการดิจิทัล โดยได้รับอานิสงส์จากการเร่งเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลในช่วงที่เกิดโรคระบาดโควิด-19

 

PwC ระบุว่า การเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือกันอย่างแพร่หลาย ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลอย่างรวดเร็วหลังยุคโควิด-19 ช่วยกระตุ้นการขยายตัวของบริการทางการเงินดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประกอบไปด้วย ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม บรูไน ลาว และกัมพูชา

 

ตัวอย่างบางส่วน ได้แก่ พร้อมเพย์ (PromptPay) ของไทย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้บัญชีธนาคารสามารถรับและโอนการชำระเงินผ่านหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หรือที่อยู่อีเมล ขณะที่ในฟิลิปปินส์ รัฐบาลได้แจกเงินช่วยเหลือเยียวยา เพื่อบรรเทาและแบ่งเบาผลกระทบจากวิกฤตการณ์โควิด-19 ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ส่วนสิงคโปร์ก็ได้ส่งเสริมและจูงใจให้พ่อค้าหันมาใช้บริการชำระเงินแบบไร้สัมผัสผ่าน QR Code

 

“ความพร้อมใช้งานและความสะดวกของการชำระเงินดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ จะทำให้ประชากรจำนวนมากในภูมิภาคใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ทางการเงินดิจิทัลกระแสหลัก อย่าง กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Wallet) ซึ่งจะช่วยเร่งการขยายตัวของบริการทางการเงิน” PwC ระบุ

 

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเศรษฐกิจดิจิทัลมีแนวโน้มที่จะแตะระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 35.23 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2573 โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงผู้บริโภคดิจิทัลที่มีมากกว่า 460 ล้านคน ประชากรรุ่นใหม่ที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี ตลอดจนการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น

 

ข้อมูลจาก PwC ระบุว่า การชำระเงินดิจิทัลผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมูลค่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 7.75 แสนล้านบาท) ในปี 2562 และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตกว่า 5 เท่าและทะลุ 1.14 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 4.01 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2568

 

รายงานของ โอลิเวอร์ ไวแมน (Oliver Wyman) บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจระบุว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของกระเป๋าเงินดิจิทัล ส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากการที่บริษัทต่างๆ สร้างซุปเปอร์แอป ซึ่งมักจะรวมกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง เช่น WeChat และ AliPay ในประเทศจีน Grab และ GoTo ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Careem ในตะวันออกกลาง และ Rappi และ Mercado Libre ในละตินอเมริกา

 

ทั้งนี้ ซุปเปอร์แอป คือ แอปเดียวที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงบริการต่างๆ ได้ตั้งแต่การขนส่งหรือการช็อปปิ้ง ไปจนถึงการชำระเงินและการส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่


(1 ดอลลาร์ = 35.23 บาท)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า