
มีคนกินหัวคิวเรือดำน้ำ ‘โรม’ เผยมีข้อมูลคนกินหัวคิวเรือดำน้ำ ชื่อย่อ บ. แจงไม่เคยได้รับเชิญนั่งกรรมการศึกษาเรือดำน้ำ ชี้อยากได้ข้อมูลการจัดซื้อมากกว่า
สืบเนื่องจากกรณีที่นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2567 ว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการศึกษาเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ โดยจะเชิญนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร หรือนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล คนใดคนหนึ่งมาร่วมด้วยนั้น
นายรังสิมันต์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อมาจากนายสุทินล่วงหน้า และไม่ทราบรายละเอียดอะไรเลย จึงตั้งคำถามกลับไปว่าอยากจะให้เป็นกรรมการตรวจสอบจริงๆ ใช่หรือไม่ อยากจะให้ไปทำอะไร หรือแค่ต้องการให้มีภาพข่าวออกมาเท่านั้น
ทั้งนี้นายรังสิมันต์ไม่ได้ตอบปฏิเสธคำเชิญ แต่กล่าวว่า ไม่รู้ว่าจะตัดสินจากอะไร ต้องฟังรายละเอียดก่อน อีกทั้งต้องไปตรวจสอบข้อกฎหมายก่อนว่าตนเองซึ่งเป็นประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ จะสามารถเข้าร่วมได้หรือไม่ด้วย
และถึงแม้จะไม่ได้เข้าไป แต่ทาง กมธ. ก็มีความยินดี เพราะอยากจะได้ข้อมูลเรื่องเรือดำน้ำที่เป็นปัญหาจากกระทรวงกลาโหม และกองทัพเรือ อยากได้ข้อมูลตรงนี้ให้ได้มากที่สุด
นายรังสิมันต์ปฏิเสธที่จะคาดเดาเจตนาของการเชิญในครั้งนี้ แต่อยากจะทราบว่าเราจะซื้อเรือดำน้ำด้วยภัยความมั่นคงแบบไหน อีกทั้งยังตั้งคำถามถึงการซื้ออาวุธต่าง ๆ ที่เกี่ยวโยงกับการซื้อเรือดำน้ำ ซึ่งยังไม่ได้รับข้อมูลจากกระทรวงกลาโหม
นายรังสิมันต์กล่าวว่านายสุทิน เหมือนกลายเป็นคนละคนกัน แต่เข้าใจว่าเมื่อมาเป็นรัฐมนตรีก็ต้องรักษาท่าที แต่สุดท้ายต้องเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนก่อน อีกทั้งระบุว่าไทยไม่จำเป็นต้องไปเอาใจจีน ทั้ง 2 ประเทศจะต้องยืนอยู่ด้วยกันอย่างมีศักดิ์ศรีที่เท่าเทียมกัน และไม่อยากจะให้นายสุทินมองข้ามในประเด็นนี้
อีกทั้งยังระบุว่า หากกระทรวงกลาโหมให้ความร่วมมือกับเรา ก็สามารถตรวจสอบได้ แม้ไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการ ไม่มีความจำเป็นด้วยซ้ำที่จะต้องไปเป็นคณะกรรมการ ระบุว่าที่ผ่านมามีปัญหาในการหาข้อมูลมาโดยตลอด ซึ่งหากกระทรวงกลาโหมให้ความร่วมมือกับเรา ก็สามารถตรวจสอบได้ แม้ไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการ ไม่มีความจำเป็นด้วยซ้ำที่จะต้องไปเป็นคณะกรรมการ
แต่ถ้าหากเราได้รับความร่วมมือในฐานะ กมธ. ทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องไปเป็นคณะกรรมการให้เปลืองเบี้ยประชุมและภาษีของประชาชน แต่วันนี้เหมือนเป็นไฟท์บังคับว่า ถ้าเราไม่ไปเข้าร่วมกับเขาเลย การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนก็ทำไม่ได้
สำหรับปัญหาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำนั้น นายรังสิมันต์กล่าวว่า อย่าไปปกป้องเรื่องนี้เลย มันสายไปแล้ว เราไม่ได้มีปัญหากับการซื้ออาวุธของกองทัพ แต่ต้องทําให้โปร่งใส ให้เกิดจากความจำเป็นจริงๆ ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น
นายรังสิมันต์ยังกล่าวถึง นาย บ.ใบไม้คนนึง ซึ่งไปจ่ายค่าหัวคิว และสุดท้ายลุงคนนั้นเอาไปแล้ว 20% หรือมากกว่านั้น และเมื่อเอาไปแล้วเอาคืนกลับมาไม่ได้ จึงกลายเป็นเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นไป