เรือดำน้ำจีน อยู่ในขั้นตอนการเจรจา ยังไม่ได้ข้อสรุปการตัดสินใจเป็นอำนาจของรัฐบาลใหม่ขอเงินคืนหากยกเลิก รัฐบาลใหม่ต้องเจรจา

29 พ.ค. 66 พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ให้สัมภาษณ์หลังการตรวจเยี่ยมการทดสอบขีดความสามารถของเรือหลวงช้าง ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องยนต์ CHD620 ของจีนในเรือดำน้ำของกองทัพเรือปากีสถานว่า

กองทัพเรือได้ส่งคณะนายทหารไปดูไลน์การผลิตเครื่องยนต์รุ่นดังกล่าวที่ทางการจีนนำมาใช้แล้ว ปัจจุบันเครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของเรือผิวน้ำของจีนเป็นหลักและใช้อยู่กับเรือรบของจีนทั้งหมด การที่จะดัดแปลงมาใช้กับเรือดำน้ำจะต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมไม่กี่ส่วน

อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญในการพิจารณาคือประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ความปลอดภัยของเครื่องยนต์ และขั้นสุดท้ายคือขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางยุทธวิธีที่จะใช้กับเรือดำน้ำ เรื่องทั้งหมดนี้ได้มีการนำเสนอรัฐบาลผ่านกระทรวงกลาโหมอย่างต่อเนื่อง เป็นการรายงานให้กระทรวงกลาโหมรับทราบข้อมูลและความคืบหน้าในการเจรจา รวมถึงแนวทางการตัดสินใจเพื่อเป็นผู้ตัดสินใจในขั้นสุดท้าย

กองทัพเรือต้องสรุปข้อมูลเข้าชี้แจงให้กับรัฐบาลใหม่ได้รับทราบถึงเหตุผลความจำเป็น และสิ่งที่กองทัพเรือทำมาตลอดในการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่รัฐบาลชุดใหม่

ส่วนแผนรองรับนั้น กองทัพเรือได้ชะลอโครงการเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ออกไปอยู่แล้ว โดยยกโครงการเรือฟริเกตลำที่ 2 มาทดแทนในช่วงที่มีปัญหาเรือดำน้ำลำที่ 1 ได้ข้อสรุปว่า จะมีการต่อเรือในประเทศเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมต่อเรือ และการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับส่วนต่อเรือในประเทศไทย

อย่างไรก็ดี กระบวนการอยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือยกเลิกสัญญา และยังไม่ได้ข้อสรุป ทั้งเรื่องการจ่ายค่าชดเชยหลังจากที่โครงการล่าช้าไป ไม่ว่าจะเป็นการให้รับประกันการใช้เครื่องยนต์รุ่นดังกล่าวหรืออะไหล่ชดเชย สิ่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะมาชดเชยให้ทัพเรือไทย

พล.ร.อ.เชิงชาย กล่าวทิ้งท้ายว่า “กำหนดการที่จะได้ข้อสรุปทั้งหมดยังเป็นช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนเหมือนเดิม ที่ทางการจีนจะรวบรวมข้อมูลมาให้เรา เพื่อจะได้ตรวจสอบขั้นสุดท้ายแล้วนำเสนอรัฐบาลต่อไป จะเปลี่ยนแปลงจากที่เสนอหรือไม่ขึ้นอยู่อยู่กับ ครม. พิจารณาเพราะเป็นอำนาจของ ครม. ส่วนถ้ายกเลิกแล้วทางการจีนจะคืนเงินให้เราหรือไม่นั้น ในส่วนนี้เป็นเรื่องของการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลที่ต้องพูดจากัน”