
จำคุก 105 ปี ฐานนำรถของทางราชการไปตีกอล์ฟ ผู้อนุมัติถือว่าไม่สอดส่องดูแล มีความผิดโทษจำคุกเช่นกัน
12 ต.ค. 66 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ปปข.) ประจำจังหวัดยโสธร แถลงผลคดีที่ ปปช. ชี้มูลความผิด นายรุ่งรัก ลูกบัว ผู้อำนวยการกองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร กับพวก นำรถยนต์ของทางราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตน ในการเดินทางไป-กลับ ระหว่างบ้านและที่ทำงาน และนำรถยนต์ของทางราชการไปตีกอล์ฟ
ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ได้อ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 6 6 เห็นว่าพฤติกรรมของจำเลยที่ 1 ถือเป็นการเอารถขององค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร ไปใช้ประโยชน์ส่วนตนโดยมิชอบเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เป็นการกระทำที่ร้ายแรง
ตัดสินให้นายรุ่งรัก จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และ พรป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 รวม 21 กระทง ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 105 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงลดโทษเหลือจำคุก จำเลยที่1 เหลือไม่เกิน 50 ปี
สำหรับนายสถิรพร นาคสุข รองนายกฯ องค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร รักษาการและปฏิบัติหน้าที่ราชการแทนนายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดยโสธร ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 และนายพงษ์ศิริ เหมือนชาติ จำเลยที่ 3 ซึ่งมีตำแหน่งเดียวกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้อนุญาตให้จำเลยที่ 1 นำรถไปใช้นั้น
เนื่องจากจำเลยที่ 2 และ 3 ไม่ได้รู้เห็นกับจำเลยที่ 1 จึงไม่ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แต่การไม่ดูแลตามหน้าที่ ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดผลเสียหาย แก่การบริหารราชการแผ่นดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ศาลตัดสินว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดรวม 21 กระทง ให้จำคุก 12 ปี ปรับ 240,000 บาท ตัดสินให้จำเลยที่ 3 นมีความผิดรวม 16 กระทง จำคุก 16 ปี ปรับ 320,000 บาท แต่เนื่องจาก ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้ง 2 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และไม่เคยใช้รถยนต์คันดังกล่าว
เห็นควรรอลงอาญาคนละ 2 ปี และให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมความพฤติคนละ 4 เดือนต่อครั้ง ตลอดระยะเวลาที่คุมประพฤติ และให้ไปทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์เป็นเวลาคนละ 36 ชั่วโมงพร้อมชำระค่าปรับ
นายอดุลย์วันดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปช. ประจำจังหวัดยโสธร กล่าวว่าเรื่องนี้ถือเป็นกรณีศึกษาบทเรียนสำคัญสำหรับผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการประจำ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในพื้นที่จังหวัดยโสธร ที่จะต้องสอดส่องดูแลการใช้รถยนต์ราชการของผู้ใต้บังคับบัญชา ให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายและใช้ในราชการเท่านั้น
หากนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนถือว่าเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมหรือผลประโยชน์ทับซ้อนก็อาจต้องถูกดำเนินคดีอย่างเช่นคดีนี้ซึ่งผู้บังคับบัญชาต้องร่วมรับผิดชอบด้วย จึงขอแจ้งเตือนมาด้วยความห่วงใยมิให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น และเป็นการเสริมสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงานโดยไม่นำเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง
ทั้งนี้คดียังไม่ถึงที่สุดจำเลยมีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ได้อีก