ถอนตัวเส้นทางสายไหม รัฐบาลอิตาลี เผยเสียใจที่ร่วม BRI ของจีน แต่ก็ยังอยากรักษาความสัมพันธ์กับจีนไว้
การตัดสินใจของอิตาลีในการเข้าร่วมโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ของจีนเป็นความผิดพลาดที่โรมกำลังพยายามหาทางออก กีโด โครเซตโต รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอิตาลี กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Corriere della Sera เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.)
อิตาลีลงนามในข้อตกลง “เส้นทางสายไหมใหม่” (Belt and Road Initiative : BRI) ของจีนในปี 2019 และกลายเป็นชาติตะวันตกชาติแรกที่เข้าร่วมโครงการอย่างเป็นทางการ โดยภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว รัฐบาลจีนสัญญาว่าจะลงทุนในท่าเรือและโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของอิตาลี ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
“การตัดสินใจเข้าร่วมโครงการเส้นทางสายไหมใหม่เป็นการตัดสินใจที่ไม่ได้เตรียมการมาอย่างดีและเลวร้าย” รมว.กลาโหมกล่าว โดยอธิบายว่าในขณะที่การนำเข้าของจีนมายังอิตาลีเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่านับตั้งแต่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ แต่การส่งออกของอิตาลีไปยังจีนกลับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ประเด็นในวันนี้คือ เราจะถอนตัวจากโครงการเส้นทางสายไหมใหม่โดยไม่ทำลายความสัมพันธ์กับปักกิ่งได้อย่างไร… เพราะถึงแม้ว่าจีนจะเป็นคู่แข่ง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นพันธมิตรกับเราด้วย” รัฐมนตรีกลาโหม ระบุ
มีความเป็นไปได้ แต่ไม่แน่นอนว่าอิตาลีจะถอนตัวจากโครงการนี้ โดยจอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี กล่าวเมื่อเดือนพฤษภาคมว่าเธอจะหารือกับปักกิ่งเกี่ยวกับการถอนตัวที่อาจเกิดขึ้น และหลังจากที่ได้พบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เธอบอกกับ Fox News ว่าเธอจะตัดสินใจภายในสิ้นปีนี้
การยุติโครงการกับจีนจะทำให้เมโลนีกลายเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ Global Times ของจีนเตือนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.ค.) ว่าความคิดที่จะเสียสละความร่วมมือกับจีนในโครงการ BRI เพื่อให้ได้บางสิ่งจากสหรัฐฯ เป็นการคำนวณที่ผิดพลาด
“แนวทางที่สหรัฐฯ นำมาใช้ในท้ายที่สุดนั้นไม่เป็นประโยชน์สำหรับเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ในยุโรป ซึ่งรวมถึงอิตาลีด้วย เนื่องจากเป็นวิธีการที่ขับเคลื่อนด้วยลัทธิปกป้องการค้าและการออกนโยบายโดยฝ่ายเดียว ซึ่งตรงข้ามกับจีนที่สนับสนุนการค้าเสรีและเศรษฐกิจแบบเปิด ซึ่งเป็นคุณค่าหลักที่แท้จริงของหลักการความร่วมมือ” Cui Hongjian ผู้อำนวยการยุโรปศึกษาแห่งสถาบัน China Institute of International Studies (CIIS) กล่าวกับ Global Times
ทั้งนี้ ข้อตกลง“เส้นทางสายไหมใหม่” จะหมดอายุในเดือนมีนาคม 2024 และจะมีการต่ออายุโดยอัตโนมัติ เว้นแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแจ้งอีกฝ่ายว่าต้องการจะถอนตัว โดยต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน