NewsHere We Go (64) จับกระแสโค้งสุดท้าย การเลือกตั้ง ก้าวไกลมาแรง แต่ไม่ถึงขั้นรัฐบาลพรรคเดียว ขณะที่พลังเงียบคือคลื่นใต้น้ำโค้งสุดท้ายที่อาจจะพลิกเกม

Here We Go (64) จับกระแสโค้งสุดท้าย การเลือกตั้ง ก้าวไกลมาแรง แต่ไม่ถึงขั้นรัฐบาลพรรคเดียว ขณะที่พลังเงียบคือคลื่นใต้น้ำโค้งสุดท้ายที่อาจจะพลิกเกม

Here We Go (64)

เมื่ออ่าน HWG ตอนนี้ เราคงเหลือเวลาไม่กี่วันต้องออกไปกาบัตรแล้ว บอกตรงๆ เลยว่า เลือกตั้งครั้งนี้เป็นภาพของกระแสที่กำลังต่อสู้กับความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้น

กระแสวันนี้พรรคก้าวไกลมาแรงอย่างน่าทึ่ง ไม่ใช่เฉพาะคนรุ่นใหม่และพวกมีสิทธิ์ออกเสียงครั้งแรกเท่านั้นที่เลือกพรรคก้าวไกล แต่คนวัยทำงาน คนชั้นกลางวัยกลางคน นักธุรกิจ ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร จำนวนมากจะกาบัตรให้พรรคก้าวไกลทั้งสองใบ

เพราะเหตุผลคือเบื่อสิ่งที่เป็นมาแปดปี อยากได้สิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นกับสังคมไทย อยากให้คนหนุ่มสาวได้เข้ามาบริหารบ้านเมือง อยากให้โอกาสพวกเขาสักครั้ง ถ้าทำได้ไม่ดี ก็จะได้เลิกสนับสนุนอีกต่อไป

เมื่อเป็นเช่นนี้โอกาสที่พรรคก้าวไกลจะชนะเลือกตั้งย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ไกลจากความจริง คนไทยมีโอกาสได้คุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี อาจได้คุณรังสิมันต์เป็นรัฐมนตรียุติธรรม คุณวิโรจน์เป็นรัฐมนตรีสำนักนายก คุณเสรีพิสุทธิ์เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย และจะมีคุณปิยบุตรและคุณธนาธร นั่งคัดท้ายรัฐบาลอยู่ในตึกไทยคู่ฟ้า

ประเทศไทยจะปิดฉากจบยุคคนแก่ คนอายุมาก คนที่อยู่ในวงการเมืองมานานจนเขี้ยวเล็บคมกริบ หมดยุคนายพล สิ่งที่กำลังถกเถียงกันอยู่ในนักการเมืองรุ่นใหม่ไฟแรงขณะนี้คือ ฝันเรากำลังจะเป็นจริง ต้องทำให้ได้ ต้องทำให้เป็นจริง และจะทำอย่างไร

คุณปิยบุตร คุณธนาธร คุณพิธา และคณะ รู้ดีว่าโอกาสที่พรรคก้าวไกลจะชนะเลือกตั้งได้ ส.ส.เกิน 100 คนเป็นไปได้ แต่เป็นไปได้ยากที่จะชนะอย่างแลนด์สไลด์เกิน 250 คน มองไปแล้วต้องจับมือกับพรรคเพื่อไทยให้ได้ ต้องทำให้พรรคเพื่อไทยยินยอมร่วมมือกับพรรคก้าวไกลเป็นแกนหลักจัดตั้งรัฐบาลผสม

ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองถือไพ่เหนือกว่า เพราะจำนวน ส.ส.คงก้ำกึ่งกับพรรคก้าวไกล ทิ้งก้าวไกลก็ได้ ร่วมมือก็ได้ เพียงแต่ต้องคำนวณผลบวกผลลบที่จะเกิดขึ้นตามมาและสามารถพาคุณทักษิณกลับบ้านได้อย่างสะดวกโยธินภายใน 6 เดือนนับแต่เป็นรัฐบาล

การดีลกันของสองพรรคนี้จะมีผลต่ออนาคตของประเทศไทยอย่างมหาศาลเลยทีเดียว แต่ดีลนี้ใช่ว่าจะตกลงกันได้อย่างง่ายๆ ไม่มีอุปสรรค มีปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างที่อาจมีต่อการทำดีล

นโยบายสุดโต่งของก้าวไกลเป็นอุปสรรคในตัวของตัวเอง แต่ก้าวไกลคงยอมตัดทิ้งได้หรือทอดเวลาออกไป รอเวลาที่เสียงนอกสภาจะดังจนกลบเสียงในสภา เพราะก้าวไกลมีอาวุธสำคัญคือการลงถนนของผู้สนับสนุน

ยอมก่อนเพื่อเป็นรัฐบาล แล้วค่อยรุกทำนโยบายเมื่อโอกาสเปิดให้ ส่วนพรรคใหญ่อื่นๆ คงไม่อยู่เฉย คงสู้ แต่จะสู้ด้วยสูตรอะไร นักการเมืองเขาคงวางกลยุทธ์ไว้แล้ว บอกได้ว่าสนุกและน่ารอดู

—–

เวลานี้การหาเสียงกำลังเข้าสู่ระดับยุทธศาสตร์ที่ต้องเอาชนะกันแล้ว เราได้เห็นการเชิญชวนพลังเงียบให้ออกกันมามากๆ เราได้เห็นการกระตุ้นแนวคิดประเทศต้องเปลี่ยนแปลง ประเทศต้องได้สิ่งใหม่

เราได้เห็นภาพวาดอนาคตของประเทศไทยหลังวันที่ 14 พฤษภาคม เพื่อทำให้คนออกมากาบัตรในทิศทางที่พรรคของตนจะได้ประโยชน์ แต่อย่างที่บอกการเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญต่ออนาคตของประเทศไทย ถ้าเรามีสิทธิ์ เราจะออกไปใช้สิทธิ์ของเราอย่างไรประเทศจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด ถ้าคิดได้อย่างรอบคอบก็ต้องออกไปทำหน้าที่นั้น ทำเพื่อสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดของประเทศอย่างพร้อมเพรียงกัน

—–

สัปดาห์สุดท้ายคงจะได้เห็นการออกอาวุธกัน แต่ละพรรคมีอะไรที่อยากจะบอกกับประชาชนต้องใช้ช่วงเวลานี้บอกกล่าวออกมาให้หมดหรือทางไสยศาสตร์เรียกว่าปล่อยของกันเต็มที่ทำให้เคลิบเคลิ้ม หลงใหลไปชั่วขณะ

คงต้องอยู่ที่สติของประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง หยุดนิ่งๆ คิด ตั้งสติก่อนที่จะตัดสินใจเลือกคนที่ใช่ เลือกพรรคที่ชอบ ไม่ใช่ให้โพลหลายหลากสำนักคอยลากชักนำไปเหมือนก่อนหน้านี้สัก 2 สัปดาห์ต่อเนื่องที่มีการนำเสนอผลสำรวจอย่างถี่ยิบ

ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นการทำโพลตามหลักวิชาการที่ถูกต้องหรือไม่ หรือใช้วิชาการตลาดมาโฆษณาประชาสัมพันธ์ในรูปแบบโพลเพื่อหวังผลยอดขายสินค้าซึ่งก็คือผู้สมัคร ส.ส.และพรรคการเมือง

คณะกรรมการเลือกตั้งถึงมีกำหนดห้ามนำเสนอผลโพลก่อนวันเลือกตั้ง ต้องการให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมีสมาธิ มีเวลาคิด ด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจไปกาบัตร

—–

ถามว่าจะใช้หลักอะไรเลือกคนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ให้ตอบเร็วๆ บางคนก็จะเลือกสิ่งที่คนอื่นเขาว่าเป็นคนดี เป็นพรรคที่ดี ทำนองว่าคนส่วนใหญ่บอกว่าเขาดี เราก็ว่าไปตามนั้นจะได้เหมือนๆ คนส่วนใหญ่

เหตุผลแบบนี้ถึงเป็นที่มาของโพลที่ทำออกมาเพื่อใช้หลักการตลาดชักชวนให้คนที่คิดเร็วๆ มีหลักยึดว่าเลือกไม่ผิดคนไม่ผิดพรรค เลือกซื้อสินค้าที่เหมือนๆคนอื่น แต่ถ้าใช้เวลาคิด ไตร่ตรองสักหน่อย เราอาจจะเลือกคนที่เหมาะสมกับเรามากกว่าก็ได้

บางคนอาจใช้หลักคิดเหมือนกับเลือกแฟนสักคนที่เขาต้องมาดูแลเราต่อจากนี้ไปอีก 4 ปี คงต้องดูว่าแฟนคนที่เราจะเลือกนอกจากจะดูแลเราได้ดีแล้ว ต้องดูแลครอบครัวของเราได้ด้วย ดูแลญาติพี่น้อง

และยิ่งถ้าเป็นคนที่ดูแลส่วนรวมที่เราอาศัยอยู่ได้ด้วยก็ยิ่งดีใหญ่ ที่สำคัญครอบครัวของแฟนเรามีพื้นฐานที่ดีด้วยจะยิ่งช่วยให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้นไปอีก

บางคนอาจแย้งว่าอยากเลือกแฟนที่เขาดีกับเรารักเราคนเดียวก็พอ จะไปทำไม่ดีกับใครไปรังแกใครก็ไม่สนใจ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ต้องวนมาให้เราต้องรับผิดชอบอยู่ดี เข้าทำนองขว้างงูไม่พ้นคอ เชื่อว่าทุกคนก็อยากได้คนดีมาจากครอบครัวที่ดีกันทั้งนั้น

—–

มีงานวิจัยของต่างประเทศที่ระบุถึงคุณสมบัติของผู้นำในโลกอนาคตที่จำเป็นต้องมี เอามาฝากเผื่อไว้สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะใช้หลักอะไรในการเลือก ส.ส.และพรรคการเมือง ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะยกมาแค่คุณสมบัติสำคัญ 5 ข้อที่ถูกเรียงลำดับไว้ตามความสำคัญ

ลำดับแรกคือ มีคุณธรรมความซื่อสัตย์ ลองดูว่าคนที่เราชอบมีปูมหลังบกพร่องเรื่องเหล่านี้บ้างหรือเปล่า ข้อสอง แบ่งปันอำนาจ ไม่ยึดรวบความคิดอ่านไว้ที่ตนเองคนเดียว หรือยึดอำนาจสั่งการไว้ตนเอง ไม่รับฟังความเห็นคนอื่น ข้อสาม มีความสามารถในการสื่อสารกับคนอื่นๆ ไม่ใช่สั่ง ไม่ใช่สอน แต่รับฟังกันและกัน ข้อสี่ ตระหนักรู้ในตัวตนของตัวเอง รู้จักใส่ใจคนอื่น ข้อห้า มีความกตัญญูรู้คุณ

ไม่ใช่ว่ามีแค่ 5 ข้อนี้เท่านั้น ยังมีคุณสมบัติอื่นๆอีก แต่ผลวิจัยบอกว่า 5 ข้อนี้สำคัญที่สุดสำหรับคนที่จะมาเป็นผู้นำที่โลกยุคใหม่ต้องการ

เลือกผู้นำที่ไม่ซื่อสัตย์ มีแต่ประวัติคดโกงก็จะได้รัฐบาลที่เต็มไปด้วยทุจริตคอรัปชั่น เลือกผู้นำที่รวบอำนาจไว้คนเดียว ก็จะได้เห็นเผด็จการทางรัฐสภา เลือกผู้นำที่ไร้ความกตัญญูต่อแผ่นดินหรือผู้มีพระคุณทั้งหลาย ก็จะได้รัฐบาลที่ไร้ศีลธรรม จริยธรรม สังคมจะวุ่นวาย มีประเทศที่เรียกตัวเองว่าประชาธิปไตยหลายประเทศเป็นตัวอย่างให้ศึกษา

ลองนำคุณสมบัติเหล่านี้ไปเปรียบเทียบกับคนที่ใช่หรือพรรคที่เราชอบดู แล้วนั่งนึกถึงประวัติ ผลงาน ประสบการณ์ ผลงานการกระทำที่ผ่านๆมา จะเข้าข่ายนี้ หรือไม่เข้าข่ายนี้เลย

—–

ที่ผ่านมามีอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับประเทศ หรือมีอะไรไม่ดีไม่ควรเกิดกับประเทศนี้บ้าง ก่อนที่จะไปหย่อนบัตรเพื่อกำหนดเส้นทางของประเทศไทยหลังจากนี้ไป

ที่ผ่านมาประเทศกำลังจะเดินทางไปข้างหน้าด้วยดีทุกอย่างดูสดใสมีอนาคต ประเทศไทยถูกขยับอันดับให้เป็นประเทศที่มีความสุขในอันดับที่ 60 ของโลกจาก 137 ประเทศ

ความสุขหรืออนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่ในมือของคนไทยทุกคน จึงอยากเชิญชวนทุกคนออกมาแสดงสิทธิ์เลือก ส.ส.และพรรค การเมืองที่จะพาให้เราและประเทศไปสู่อนาคตที่ดี คนทุกกลุ่มของประเทศได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข หวังว่าอันดับความสุขของประเทศจะขยับดีขึ้นอีกในปีหน้า

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า