Here We Go- 82 กำนันนก ตั๋วช้างกับการปฏิรูปวงการตำรวจ บททดสอบแรกของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน
เป็นธรรมดาไม่ว่าคุณเศรษฐาจะเคลื่อนไหวหรือเดินทางไปไหนจะถูกจับจ้อง จับผิดจากสื่อแท้สื่อเทียมตลอดเวลา แล้วนำมาผูกโยงกับเรื่องบุคลิกการทำงาน ประวัติการศึกษา ประวัติทำงาน สาแหรกความสัมพันธ์ของคนในตระกูลและนอกตระกูลถูกนำออกมาไล่เรียงให้เห็นตามสื่อต่างๆ ชี้ให้เห็นว่าคนอยากรู้จักนายกรัฐมนตรีของเขาในทุกแง่มุม
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะปรากฏตัวบ่อยๆในฐานะนักธุรกิจ แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะมากเท่านี้มาก่อน จากนี้ทุกอากัปกิริยาความเคลื่อนไหวจะถูกตีความในทางการเมืองตลอด เพราะตอนนี้ทุกคนอยากรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของคุณเศรษฐาเป็นคนแบบไหนกันแน่ ที่สำคัญคือมีความเป็นตัวของตัวเอง มีอิสระทางความคิดและการทำงานหรือไม่ หรือต้องทำงานภายใต้การสั่งการของคนใดคนหนึ่ง
การจัดทัพคณะรัฐมนตรีกับข้าราชการการเมืองรอบตัวคุณเศรษฐาก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นอิสระอย่างหนึ่ง ตามมาด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำก็บ่งบอกได้เช่นกัน ตอนนี้ทุกคนจับจ้องไปที่การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ที่คุณเศรษฐาเองนั่งเป็นประธานใหญ่ เพราะตำรวจถือเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรม คนที่ถูกพูดถึงที่คาดว่าจะขึ้นมาเป็นผู้นำองค์กรตำรวจคนใหม่ล้วนแต่ไม่ใช่คนที่มีลำดับอาวุโสเป็นลำดับแรก แต่มีผู้สนับสนุน มีกองเชียร์มาก ก็ต้องดูว่าที่สุดแล้วคุณเศรษฐาจะใช้หลักอิสระตัดสินใจได้หรือไม่
ความเหลื่อมล้ำในระบบยุติธรรมถูกวิจารณ์กันในวงกว้างนับตั้งแต่คุณโทนี่กลับมารับโทษที่เมืองไทย วงการตำรวจก็ได้รับการกล่าวถึงมากเช่นกัน แต่ที่สะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศก็เรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้าน กำนันนกจังหวัดนครปฐม ทำเอาวงการสีกากีสะเทือนขนานใหญ่ แม้จะมีการวิสามัญฆาตกรรมผู้ก่อเหตุแล้ว แต่มีคำถามอีกหลายประโยคที่ตามมาให้สังคมรอคอยคำตอบ
โดยเฉพาะเรื่องการทำหน้าที่ขณะเกิดเหตุ ตำรวจตั้ง 20 คนปล่อยให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีไปได้ลอยนวล และยังปล่อยให้มีการทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุอีก ไม่ได้ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ทั้งที่เหตุเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา คงต้องมีการขุดคุ้ยหลังจากนี้
ว่าทำไมตำรวจกลุ่มนี้ถึงเกรงใจกำนันขนาดนี้ คุณวิโรจน์ของพรรคก้าวไกลคงมีข้อมูลไว้สอบถามคุณเศรษฐาแล้ว ไม่ว่าเรื่องวิ่งเต้นโยกย้ายแบบไม่เป็นธรรม มีเรื่องการซื้อขายตำแหน่งเข้ามาเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ ส่วนกำนันนกทำไมถึงได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไม่เกรงกลัวอำนาจรัฐหรือไม่เห็นเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่ในสายตาเลย
เรื่องนี้อาจเป็นประเด็นชี้ขาด ผบ.ตร.คนใหม่ ที่ต้องเข้ามาสร้างความเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ขององค์กรตำรวจให้เกิดกับคนไทยทั่วไป ต้องกลับมาทวงเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของตำรวจทั่วประเทศ รวมถึงตัวคุณเศรษฐาเองคงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบที่ต้องปฏิรูปตำรวจด้วยเช่นกัน
สำคัญที่สุดที่คาใจคนไทยทั้งประเทศคือ การทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่ยอมจำนนต่ออำนาจเงิน อำนาจอิทธิพลการเมืองระดับต่างๆ กลายเป็นความเหลื่อมล้ำทางกฎหมาย แล้วแบบนี้ประชาชนจะอยู่อย่างไร กลายเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลคุณเศรษฐาอีกข้อหนึ่ง
—
อาทิตย์นี้รัฐบาลคุณเศรษฐา ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างสมบูรณ์เมื่อการแถลงนโยบายเสร็จสิ้นลง เป็นอันว่าประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากอยู่กับคุณประยุทธ์มา 9 ปี ขอถือโอกาสนี้สรุปประเด็นนโยบายสัก 2 เรื่องที่ถูกสังคมตั้งความหวัง วิจารณ์ หรือถูก สส. และ สว. อภิปรายแสดงความเห็น ติติง สงสัย สนับสนุน
สังคมสนใจมากที่สุดคือเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะแจกให้กับประชาชน เชื่อว่าคนไทยผู้มีรายได้น้อยตั้งความหวัง คนจำนวนมากวางแผนไว้แล้วจะทำอะไร บ้างจะรวมกลุ่มเพื่อให้ได้เงินก้อนใหญ่ไปลงทุน บ้างจะเริ่มต้นเป็นเถ้าแก่น้อย
แต่เสียงห่วงก็มีไม่น้อย เงินดิจิทัลมีค่าเท่ากับเงินจริง แต่ไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ คนที่ได้มาจะเข้าใจหรือ ความน่าเชื่อถือของมันจะยั่งยืนเหมือนเงินจริงหรือเปล่า แค่เรื่องสองเรื่องนี้ก็ปวดหัวแล้ว ไม่นับเรื่องเงินงบประมาณเกือบ 6 แสนล้านบาทที่ต้องมีเพื่อมาสนับสนุนเงินดิจิทัลจะหามาจากไหน
มีกูรูบางคนบอกว่าข้อดีของมันจะเกิดการหมุนของเงินเป็นร้อยรอบจะสร้างมูลค่ามหาศาลตามมาในอนาคตไม่นาน มารอดูกัน เราจะได้เงินกันหรือไม่ จะได้มาอย่างไร ได้มาแล้วประเทศไทยไม่เดือดร้อนจริงหรือไม่
—
ประเด็นนิติรัฐ การลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม เรื่องนี้โดนใจสังคม เพราะเรื่องยิงสารวัตรแบ้งค์เสียชีวิตในบ้านกำนันนก ตามมาด้วยการจับกุมตำรวจ 6 นาย 4 นายเป็นลูกน้องของผู้ตาย พลเรือน 5 ราย ย้ายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ 2 นาย ที่เศร้าสลดตามมาคือผู้กำกับเบิ้ม เจ้านายโดยตรงของสารวัตรแบ้งค์ยิงตัวตายเพราะความเครียด
ศักดิ์ศรีของนายตำรวจน้ำดีคนหนึ่งสูญสลายไปจนไม่อาจสู้หน้าผู้คน รัฐบาลจะจัดการกับองค์กรตำรวจอย่างไรให้เป็นที่เชื่อมั่นของคนไทย ตำรวจในฐานะผู้อำนวยความยุติธรรมชั้นต้นทาง ถ้าต้นทางทำไม่ได้แล้ว กลางทาง หรือปลายทาง จะมีปัญหาตามมา
วันนี้คนเขาไม่เชื่อตำรวจเสียแล้ว คงจำกันได้ กฎหมายปราบปรามอุ้มหายของดีสำหรับประชาชน ก็ไม่เอา จะไม่ใช้ ไปออกพระราชกำหนดมายกเว้นบางมาตราสำคัญเสีย ดีที่ศาลรัฐธรรมนูญท่านเห็นแก่ความถูกต้องและประโยชน์ของบ้านเมือง วินิจฉัยว่าการออกพระราชกำหนดขัดรัฐธรรมนูญ
วันนี้ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไรกับตำรวจทั้งระบบ ก็ถือว่าไม่เห็นหัวคนไทยทั้งประเทศแล้ว นี่ยังไม่นับกรณีคุณทักษิณที่สร้างมาตรฐานใหม่ของกระบวนการยุติธรรมที่ได้เคยพูดไว้แล้ว
ทั้งสองประเด็นนี้เป็นเรื่องของความหวังและความรู้สึกของคนไทย เป็นความหวังที่จะได้ลืมตาอ้าปาก เป็นความหวังที่จะได้รับความยุติธรรมอย่างเท่าเทียม อย่าถือเป็นเรื่องเล็กน้อย แจกเงินแล้วได้ใจ ไม่พอ ความยุติธรรมสำคัญไม่น้อยกว่ากัน