Here We Go 18
ตั้งแต่ม็อบที่ดินแดงกลับมาออกฤทธิ์ออกเดชอีกรอบจนถึงวันนี้ คนวิจารณ์กันตรึม ไม่ใช่ ม็อบอุดมการณ์ประชาธิปไตยหรือม็อบเรียกร้องสิทธิทางการเมือง แต่เป็นม็อบเกเรเสียมากกว่า
ไปส่องภาพหรือคลิปของเหล่าม็อบเกเร ก็พบว่าไม่ใช่เด็กและเยาวชนที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์เรียกร้อง ‘ประชาธิปไตย’ กลายเป็นม็อบวัยรุ่นนักเลงตามซอยกับขาเก่าม็อบเสื้อแดงที่ไม่ได้ทำอะไรมากไป กว่ามาร่วมชุมนุมกับกลุ่มนักศึกษา รอกลุ่มนักศึกษาประกาศยุติการชุมนุม พวกที่ว่าจะเข้ามารับไม้ต่อ ใช้พื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงจัดแถวเดินหน้าเบิ้ลเครื่องยนต์แมงกะไซยั่วยุตำรวจ ปาประทัดยักษ์ จุดไฟเผาอะไรก็ได้ที่เป็นของรัฐ
อีกพวกตั้งกล้องหรือโทรศัพท์รอถ่ายภาพเพื่อเอาไปโพสต์ยั่วยุใน โลกออนไลน์ต่อ ทำแค่นี้จริงๆ ทั้งน่าเศร้าและน่าอนาถใจ ผู้สันทัดกรณีการเมืองประเมินว่า ม็อบเที่ยวนี้ไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนทั่วไป
คนส่วนใหญ่แม้จะเดือดร้อนจากทุกปัญหาที่รุมเร้า ชีวิตประจำวัน แต่ไม่ได้เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง ไม่สนับสนุน ไม่ร่วมมือ ม็อบจึงน้อยลงเรื่อย อาจจะได้เห็นพวกนี้วันเว้นวัน แต่คงไปแบบอ่อนแรงและจะหมดแรงในที่สุดเพราะถูกดำเนินคดี
คุยกันเรื่องน้ำมันราคาแพง เติมเท่าไรก็ไม่เต็มถัง ทำอย่างไรจะได้ใช้น้ำมันราคาถูกลงบ้าง ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคก็ขึ้นไปตามราคาน้ำมัน สงครามในยูเครนก็มีแนวโน้มว่าจะยาวนานเป็นปี หรือหลายปี
ปัจจัยที่เกี่ยวกับราคาน้ำมันไม่มีปัจจัยบวกเลย มีแต่ปัจจัยลบ จึงอนุมานได้ว่าราคา น้ำมันดิบจะสูงแบบนี้หรือสูงขึ้นไปอีก บางช่วงอาจราคาตกลงมานิดหน่อย แต่เดี๋ยวเดียวก็กลับไปขึ้นสูงได้อีก
ส่วนปัจจัยภายในประเทศก็ยังถกเถียงกันไม่จบว่าโรงกลั่นน้ำมันในไทยทั้ง 6 โรง คิดราคา ค่าการกลั่นน้ำมันสูงมากเกินไปขูดรีดมากเกินไป รัฐบาลหากฎหมายไม่เจอสักข้อที่จะบังคับโรงกลั่น ลดค่าการกลั่นลงบ้างได้ เอาเป็นว่ายังหาช่องบังคับไม่ได้
อดีตรัฐมนตรีบางคนออกมาเสนอแนะเรื่อง ลดค่าการกลั่น กล่าวหาโจมตีโรงกลั่น ก็ถูกผู้รู้อีกปีกสวนกลับเต็ม ๆ แบบคนวงในรู้เรื่องน้ำมันดีและ มีเหตุมีผลเสียด้วย ข่าวว่ารัฐมนตรีพลังงานยังพูดคุยกับโรงกลั่นบนพื้นฐานของความร่วมมือที่จะลดภาระให้กับประชาชนอย่างน้อยก็ในเวลา 3 เดือนตั้งแต่กรกฎาคมถึงกันยายน เอาใจช่วยให้ได้ข้อยุติ เพราะเดือดร้อนด้วยเหมือนกัน
วันนี้รัฐบาลได้ช่วยเหลือจนเกือบจะทุกมาตรการ ใช้เงินกองทุนน้ำมันอุดหนุนจนติดหนี้ บานเบอะ ลดภาษีสรรพสามิตลงกว่า 5 บาทต่อลิตร ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 35 บาทต่อลิตร ใช้โครงการบัตรสวัสดิการช่วยผู้มีรายได้น้อย เช่น พี่วินทั้งหลาย
แต่ก็ยังไม่สามารถบรรเทาความ เดือดร้อน รัฐบาลเหมือนเข้าตาจน หันขวาก็ออกไม่ได้ หันซ้ายก็เจอทางตัน จะอุดหนุนตรึงราคา กองทุนน้ำมันก็ติดลบเป็นแสนล้านบาท จนถูกเตือนให้ระวังรัฐบาลจะขาดความสามารถในการใช้หนี้
จะควบคุมราคาขายปลีกก็ต้องดูทั้งอำนาจตามกฎหมายและผลกระทบสืบเนื่องที่จะตามมา เช่น บริษัทอาจลดการผลิตหรือส่งน้ำมันสำเร็จรูปออกขายต่างประเทศมากขึ้น ภาวะขาดแคลนน้ำมันก็จะ เกิดขึ้น มีน้ำมันใช้แต่ราคาแพงกับไม่มีน้ำมันใช้ อะไรจะเดือดร้อนมากกว่ากัน เป็นคำถามน่าคิด
อ้าวแล้วทำไมมาเลเซียจึงมีราคาน้ำมันถูกกว่าประเทศไทย คำตอบคือรัฐบาลมาเลเซียจ่ายเงิน อุดหนุนตรึงราคาไว้ ซึ่งไม่ได้ใช้เงินกองทุน แต่รัฐบาลตั้งเงินอุดหนุนไว้ในกฎหมายงบประมาณของเขา แล้วทำไมเราไม่ทำบ้าง
งบประมาณปี 2566 กำลังอยู่ในชั้นแปรญัตติวาระ 2 โดยกรรมาธิการ เราแปลงงบประมาณที่จะทำเรื่องอื่นมาเป็นงบอุดหนุนราคาน้ำมันได้หรือเปล่า ก็ไม่รู้ว่ายังอยู่ในเวลา ที่จะทำได้หรือไม่ เวลานี้เราช่วยกันประหยัดไปก่อน บ้านเรายังดีกว่าลาวและศรีลังกามากมาย อย่าดึงให้ประเทศเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเลย
เคยบอกไว้ว่าคุณประยุทธ์และรัฐบาลจะสามารถอยู่บริหารราชการแผ่นดินได้ต่อไป การอภิปรายไม่ไว้วางใจคงไม่มีอะไรมากไปกว่าการวิพากษ์วิจารณ์คุณประยุทธ์ให้เสียหาย ทำลาย ความน่าเชื่อถือทุกเรื่องเท่าที่จะทำได้
วงในฝ่ายค้านเองคิดเลขแล้วก็บอกตัวเองได้ว่าไม่สามารถหาเสียงสนับสนุนได้มากพอที่จะล้มคุณประยุทธ์ แต่ก็ต้องเปิดแผลทิ้งไว้ให้ได้ เพื่อที่คุณประยุทธ์จะคิดทบทวนสักหลาย ๆ ครั้ง จะเอาอย่างไรกับอนาคตทางการเมือง
กองเชียร์ทั้งสองฝ่ายรอดู จนบัดนี้ ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านยื่นยังไม่เรียบร้อยดีตรงจะอภิปรายใครบ้าง มีเสนอชื่อเพิ่มก็ถูก ติงว่าไม่เป็นไปตามข้อบังคับ ต้องกลับไปทำใหม่ ที่ว่าจะอภิปรายในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ ไม่รู้ว่าจะมีได้หรือไม่หรือต้องทอดเวลาออกไป หรือชื่อรัฐมนตรีพลังงานจะเป็นรายใหม่ที่จะถูกอภิปราย เพราะ สังคมตั้งข้อสงสัยอยู่เหมือนกัน
“โตขึ้นไม่ติดคุกก็กลายเป็นมหาเศรษฐี” รู้จัก Richard Branson ผู้ก่อตั้ง Virgin Group กับประวัติการออกจากโรงเรียนตอนอายุ 15 ก่อนที่ครูใหญ่จะทำนายอนาคตของเขาไว้
โด่ง อรรถชัย ยุเพื่อไทย อย่ากลัวก้าวไกล ตั้งรัฐบาลแข่งไปเลย ประชด “พรรคส้มมีอุดมการณ์สูงส่ง”
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม