LGBT Capital ชี้ LGBTQ+ เดินทางท่องเที่ยว ใช้จ่ายในไทย มากติดอันดับ 4 ของโลก และ 1 ของเอเชีย
จากการส่งเสริมของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผ่านโครงการ GO Thai Be Free เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ ผ่านแนวคิดเศรษฐกิจสีรุ้ง (Rainbow Economy) มาตั้งแต่ก่อนช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
LGBT Capital ซึ่งเป็นนักวิจัยตลาดที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้บริโภค LGBTQ+ ทั่วโลกเปิดเผยว่า ก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี พ.ศ. 2562 นั้น ทั่วโลกมีประชากรชาว LGBTQ+ อยู่ 371 ล้านคน มีปริมาณการใช้จ่ายของกลุ่ม LGBTQ+ อยู่ที่ 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือราว 135 ล้านล้านบาท
ประเทศไทยได้รับอานิสงส์จากการผลักดันเศรษฐกิจสีรุ้ง มีปริมาณการใช้จ่ายผ่านการท่องเที่ยวของกลุ่ม LGBTQ+ อยู่ที่ 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 2.26 แสนล้านบาท มากเป็นอันดับที่ 4 ของโลก และอันดับที่ 1 ของเอเชีย
สำหรับ 10 อันดับแรกประกอบด้วย
1 สหรัฐอเมริกา 25.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
2 สเปน 8.1 พันล้านดอลาร์สหรัฐ
3 ฝรั่งเศส 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
4 ไทย 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
5 เยอรมันนี 6.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
6 อิตาลี 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
7 สหราชอาณาจักร 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
8 ญี่ปุ่น 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
9 ฮ่องกง 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
10 จีน 4.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับในเว็บไซต์ Go Thai Be Free ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า “ประเทศไทยไม่เคยมีกฎหมายต่อต้านการรักร่วมเพศ
พ.ศ. 2545 กระทรวงสาธารณสุขไทยได้ประกาศต่อสาธารณชนว่าการรักร่วมเพศจะไม่ถือเป็นอาการป่วยทางจิตหรือความผิดปกติอีกต่อไป อีกทั้งในปี 2548 กองทัพไทยได้ยกเลิกการห้ามบุคคล LGBT+ เข้ารับราชการทหาร
สำหรับคนไทยเรื่องเพศเป็นเรื่องส่วนตัวมาก โดยในปี 2561 มีการผ่านร่างกฎหมายผ่านรัฐสภาเพื่ออนุญาตให้เพศเดียวกันสามารถอยู่ร่วมกันได้
นโยบายของรัฐบาลไทยในด้านชุมชน LGBT+ ถือว่าก้าวหน้าที่สุดชาติหนึ่งของเอเชีย”