สร้างกระแส ‘นิยมไทย’ ในจีน ‘พาณิชย์’ เจรจาทางการจีนเปิดเส้นทางการส่งออกผลไม้ไทย ใช้ร้านค้า Thai Select ในจีนเป็นจุดกระจายสินค้า และเผยแพร่วัฒนธรรมไทย

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายณัฐ วิมลจันทร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครคุนหมิง 

ได้เข้าไปพบหารือกับนายหู เหวินชาง ผู้อำนวยการกองการพัฒนาเศรษฐกิจ ประจำสำนักงานคณะกรรมการบริหารเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจจีน (บ่อเต็น) ลาว-(โม่ฮาน) และนายหู ผิงเจี่ย รองผู้อำนวยการสำนักพาณิชย์สิบสองปันนา เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับหน่วยงานพันธมิตร และเตรียมความพร้อมสำหรับการนำเข้าผลไม้ไทยในช่วงฤดูกาลผลไม้เดือน เม.ย.2567

ฝ่ายจีนยืนยันความพร้อมในการรองรับผลไม้ไทยผ่านช่องทางด่านสำคัญต่าง ๆ โดยไม่มีข้อติดขัดใด ๆ และยินดีให้ความช่วยเหลือและประสานงานในกรณีที่เกิดปัญหาหรือข้อขัดข้อง

นายภูสิตกล่าวว่า ภายในปีนี้คาดว่าโครงการขยายช่องทางขนส่งสินค้าขาเข้า-ขาออกของจีนจาก 4 เป็น 12 ช่องทาง ของด่านทางบกโม่ฮานจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้งานได้ ในขณะที่ทางด่วนบ่อเต็น-ห้วยทรายจะใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี ในขณะที่ท่าเรือกวนเหล่ย จีนกำลังเร่งดำเนินการให้เป็นด่านจำเพาะเพื่อการนำเข้าผลไม้โดยด่วนเช่นกัน

สำหรับการสำรวจและเยี่ยมเยือนร้านอาหารที่ได้รับ Thai SELECT เขตปกครองตนเองชนชาติไท สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน จำนวน 3 ร้าน ได้แก่ ร้านไทยปันนา ร้าน White House และร้าน Tai Fei นั้น ได้มีการกำหนดให้พนักงานใส่เครื่องแบบเป็นชุดไทยหรือผ้าไทย การประดับตกแต่งร้านแบบไทย 

มีสินค้าคุณภาพของไทยวางจำหน่ายภายในร้าน รวมถึงอาจมีกิจกรรมส่งเสริมผลักดัน Soft Power ของไทย เช่นการนำเสนอคอนเทนต์ ภาพยนตร์ ซีรียส์ เพลงไทย และประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวของไทย เป็นต้น

ด้านนายณัฐกล่าวว่าได้มีการผลักดันให้ร้านอาหาร Thai SELECT ให้ทำหน้าที่กระจายสินค้าไทยที่มีคุณภาพ และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยเพื่อเสริมสร้างกระแส “นิยมไทย” อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งในปัจจุบันมณฑลยูนนาน มีร้านอาหารที่ได้รับตรา Thai SELECT จำนวนทั้งสิ้น 11 ร้าน 18 สาขา

นอกจากนี้คณะนักธุรกิจจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี ยังได้เดินทางไปสิบสองปันนาเพื่อหาโอกาสในการนำสินค้า OTOP Premium และสินค้าคุณภาพจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเข้าไปจำหน่ายในเขตสิบสองปันนา ทั้งในรูปแบบปกติและรูปแบบ Cross-Border E-Commerce อีกด้วย ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของไทยให้เพิ่มขึ้น