กลาโหมชี้แจงงบปี 2567 งบกลาโหมต่อ GDP ลดลง และลดงบด้านอาวุธลงแล้ว แม้ความขัดแย้งในภูมิภาคจะสูงขึ้น
เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2567 มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เพื่อพิจารณางบของกระทรวงกลาโหม วงเงิน 198,562.9 ล้านบาท โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธาน กมธ. วิสามัญฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม
ในการประชุมครั้งนี้ ผู้บัญชาการเหล่าทัพได้เข้าร่วมชี้แจง ประกอบด้วยพล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ) พล.ร.อ.อดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และพล.อ.อ. พันธุ์ภักดีพัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เข้าร่วมการประชุมเพื่อชี้แจงภาพรวมงบประมาณของหน่วยงานภายใต้กำกับดูแล และงบของเหล่าทัพต่างๆ
ทั้งนี้ พล.อ.สนิธชนก ปลัดกระทรวงฯ ชี้แจงว่า ถึงแม้ว่าปีนี้กระทรวงกลาโหมจะได้รับงบเพิ่มขึ้น หากเทียบกับสัดส่วน GDP ถือว่าลดลง และสำหรับงบในส่วนของกำลังพลที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นเพราะว่ากระทรวงกลาโหม ไม่ได้ตั้งงบประมาณในการเลื่อนชั้นเงินเดือน เพื่อเป็นบำเหน็จประจำปีไว้ที่งบกลาง เหมือนกระทรวงอื่น
นอกจากนี้ ภายใต้สถานการณ์ด้านความมั่นคงที่ไม่แน่นอน ความขัดแย้งในภูมิภาคเพิ่มสูงขึ้น เกิดการเผชิญหน้าทางทหารระหว่างประเทศมหาอำนาจในชาติพันธมิตรของแต่ละฝ่าย นอกจากนั้น ปัญหาในทะเลจีนใต้ที่เกิดจากพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลและข้อพิพาทต่างๆ รวมถึงการแสดงกำลังของแต่ละประเทศ
ทำให้ประเทศไทยไม่อาจปฏิเสธผลกระทบทางตรงและทางอ้อมได้ จึงมีการจัดเตรียมกำลังกองทัพให้เตรียมพร้อมสามารถรองรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ตลอดจนปฏิบัติภารกิจงานตามหน้าที่อย่างดีที่สุด มุ่งเน้นการซ่อมบำรุงการปรับปรุงยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่เพื่อยืดอายุการใช้งานต่อไป ทำให้ลดงบประมาณ หากไม่สามารถซ่อมบำรุงเนื่องจากไม่คุ้มค่า จึงจะจัดหาใหม่เพื่อทดแทน
พล.อ.สนิธชนก กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมต้องสนองนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้กองทัพเป็นกำลังหลักทางด้านความมั่นคงของรัฐ และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ทุกโอกาส