ครม.เห็นชอบพัฒนาพื้นที่เกษตร EEC 5 คลัสเตอร์ ผลไม้-ประมง-พืชสมุนไพร อุตสากรรมชีวภาพ และ เกษตรมูลค่าสูง
ครม.เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านพัฒนาการเกษตร ในเขต EEC ระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ.2567-2570) จำนวน 101 โครงการ กรอบวงเงินรวม 2,845.55 ล้านบาท ชู 5 คลัสเตอร์หลักที่มีศักยภาพพร้อมดำเนินการได้ทันที
วันที่ 9 สิงหาคม 2565 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ครม.เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาการเกษตรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2566-2570 โดยร่างแผนปฏิบัติการดังกล่าว มีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ประกอบด้วย 101 โครงการ กรอบวงเงินรวม 2,845.55 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณจากภาครัฐ 1,535.55 ล้านบาท และภาคเอกชน 1,310 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายพัฒนาการเกษตร แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
- เป้าหมายรวม เช่น ยกระดับรายได้เกษตรกรภายในปี 2580 และมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในสาขาเกษตรเพิ่มขึ้น
- เป้าหมายระดับจังหวัด เช่น จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเชิงอุตสาหกรรม จังหวัดชลบุรี เป็นแหล่งพืชพลังงาน และ จังหวัดระยอง เป็นแหล่งรวบรวมผลไม้และอาหารทะเลสด
- เป้าหมายคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพและดำเนินการได้ทันที ประกอบด้วย 5 คลัสเตอร์ ได้แก่
- ผลไม้ เน้นพัฒนาคุณภาพสินค้าสู่ตลาดสินค้ามูลค่าสูง เช่น ทุเรียน มังคุด มะม่วง ในพื้นที่จังหวัดระยอง และฉะเชิงเทรา
- ประมงเพาะเลี้ยง เน้นการเพิ่มมูลค่าในห่วงโซ่อุปทาน ด้วยเทคโนโลยีการผลิตและสร้างเศรษฐกิจใหม่ เช่น กุ้งก้ามกราม กุ้งขาว และปลานิล ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และระยอง
- พืชสำหรับอุตสาหกรรมชีวภาพ เน้นยกระดับผลผลิตมันสำปะหลังให้มีคุณภาพ และมีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ส่งเสริมการแปรรูปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าสินค้า ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี
- พืชสมุนไพร เน้นการพัฒนาสมุนไพรอย่างครบวงจร ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น ฟ้าทะลายโจร กระชาย กัญชงและกัญชา ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราและชลบุรี
- เกษตรมูลค่าสูง เน้นพัฒนาคุณภาพสินค้าสู่ตลาดสินค้ามูลค่าสูง เช่น เนื้อโคพรีเมียมคุณภาพสูง และไข่ไก่อินทรีย์ ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
สำหรับการขับเคลื่อนร่างแผนปฏิบัติการ จะดำเนินการภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ
ยุทธศาสตร์ที่ 1: ยกระดับผลิตภาพการผลิตโดยเทคโนโลยีการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ จำนวน 34 โครงการ วงเงิน 596.21 ล้านบาท
ยุทธศาสตร์ที่ 2: ยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรมและการตลาด จำนวน 24 โครงการ วงเงิน 845.54 ล้านบาท
ยุทธศาสตร์ที่ 3: พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ภาคเกษตรและสร้างบรรยากาศเข้าสู่ธุรกิจการเกษตรสมัยใหม่ จำนวน 43 โครงการ วงเงิน 1,403.8 ล้านบาท
โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ คือ
ระยะแรก พ.ศ.2566-2567: เน้นเตรียมการปรับโครงสร้างการพัฒนาการเกษตรด้วยเทคโนโลยีการเกษตร และดำเนินการพัฒนาคลัสเตอร์สินค้าเกษตรที่มีศักยภาพ
ระยะกลาง พ.ศ.2568-2570: เน้นการขับเคลื่อนการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อสร้างมูลค่ากับภาคเกษตร พร้อมทั้งต่อยอดคลัสเตอร์การเกษตร เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเป้าหมายสมัยใหม่
ระยะถัดไป ตั้งแต่ปี พ.ศ.2571: มุ่งเน้นให้เกิดนวัตกรรมทั้งในการผลิตและการพัฒนาสินค้า ซึ่งต้องตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของตลาดสินค้าเกษตร และตอบสนองต่อความต้องการอาหารรูปแบบใหม่ๆ
นางสาวรัชดา กล่าวเสริมว่า ประโยชน์ที่จะได้รับจากร่างแผนปฏิบัติการนี้ เป็นการปรับโครงสร้างการเกษตรในพื้นที่ EEC ให้เชื่อมโยงกับภาคเศรษฐกิจอื่นๆ และเป็นต้นแบบการพัฒนาภาคการเกษตรในประเทศไทย ที่เน้นการประยุกต์และพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตรที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดสินค้าเกษตรไทย และเกิดการกระจายรายได้ไปสู่เกษตรกร
#TheStructureNews
#EEC #เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก #นวัตกรรมเกษตร
สร้างไม่เสร็จใน 6 เดือน ‘ธนชาติ’ วิจารณ์นโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ชี้แจกคนทั้งประเทศ ระบบต้องใหญ่มาก เหมือนสร้างตึกลิบฟ้าใน 6เดือน
ขอโทษ TOP News ‘ตุ๊ดส์review’ ขอโทษที่นำเสนอคอนเทนต์ที่ไม่เป็นความจริง หลังถูกยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 20 ล้าน
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม