12 เหตุผลไม่เอาก้าวไกล โบว์-ณัฏฐา เปิดเหตุผลที่คนไม่เอาก้าวไกล ชี้ต้องการความเปลี่ยนแปลงแต่ไม่ใช่แบบนี้
2 ก.ค. 66 นางสาวณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ นักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง วิจารณ์พรรคก้าวไกล และเสียงผู้ไม่สนับสนุนพรรค ผ่านเฟสบุ๊คว่า
“12 เหตุผลจากคน ไม่เอารัฐบาลก้าวไกล
แน่นอนว่าเมื่อการโหวตในสภาเสร็จสิ้น เราทุกคนพึงเคารพมตินั้นและขึ้นกระดานใหม่ไปด้วยกัน แต่เมื่อยังมีเวลาที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ต่อไปนี้คือเหตุผลส่วนหนึ่งของคนที่ไม่ต้องการได้รัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นผู้นำ
- เราต้องการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา แต่ไม่ต้องการแนวทางแบบพรรคก้าวไกล
- เราไม่ได้มีค่านิยมร่วมกับพรรคก้าวไกลในหลายเรื่อง เราเห็นว่าบ้านเมืองสามารถพัฒนาสู่ความทันสมัยไปตามกาลเวลา โดยไม่ต้องทำลายคุณค่าแห่งความเป็นไทย และสิ่งดี ๆ มากมายที่เป็นต้นทุนทางวัฒนธรรมของชาติเรา
- เราไม่เชื่อว่าแนวคิดทางเศรษฐกิจที่เอียงไปทางสังคมนิยม จะนำสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
- เราไม่เชื่อว่าการส่งเสริมเสรีภาพอย่างแทบไม่มีขอบเขต จะสร้างสังคมที่ดีกว่าเดิม
- เรากังวลกับท่าทีของพรรคต่อกลุ่มคนที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน เราตั้งข้อสงสัยกับการเคลื่อนไหวเดินสายไปตามภาคต่างๆเพื่อพูดถึงประวัติศาสตร์บาดแผล ทั้งที่ชาติไทยรวมเป็นหนึ่งมานานแล้ว
- เราไม่ต้องการสังคมที่เห็นการหมิ่นประมาทเป็นเรื่องเบาๆ ข้อเสนอแก้กฎหมายหมิ่นประมาททั้งระบบ ทั้งหมิ่นศาล หมิ่นเจ้าพนักงาน โดยเฉพาะหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา ให้เหลือเพียงโทษปรับ เป็นการสร้างค่านิยมที่เราไม่เห็นด้วย เราต้องการสังคมที่มีความเคารพให้เกียรติกัน แลกเปลี่ยนความเห็นต่างอย่างมีอารยะ และไม่ทำร้ายทำลายชีวิตกันด้วยการหมิ่นประมาท
- กฎหมายทุกมาตราแก้ไขปรับปรุงได้ แต่เราไม่เห็นด้วยกับการแก้ ม.112 ในแบบที่พรรคก้าวไกลเสนอ ซึ่งมีบทยกเว้นเป็นการเปิดโอกาสให้มีการกล่าวหาสถาบันฯได้ ลดโทษจนไม่เหลือขั้นต่ำ จำคุกสูงสุดหนึ่งปี และกำหนดให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ฟ้อง เราเห็นเจตนาว่าพรรคต้องการทำอะไรต่อสถาบันหลักของชาติ และนั่นคือเจตนารมณ์ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
- เราไม่ไว้ใจพฤติกรรมของพรรคก้าวไกลตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่แสดงออกสนับสนุนให้ท้ายกลุ่มการเมืองที่ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างสันติ ต่อเติมความแตกแยกในสังคม
- เราไม่เชื่อในการเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยความโกรธแค้นเกลียดชังและปลุกปั่นอารมณ์ฐานเสียง โดยเฉพาะที่เป็นเยาวชนให้แสดงออกในทางที่เป็นโทษทั้งต่อตนเองและสังคม
- เราไม่ไว้ใจในประสบการณ์ ทัศนคติ และพฤติกรรมของหลาย ๆ คนที่พรรคส่งมาให้เป็นผู้แทนราษฎร
- เราไม่เชื่อในการแบ่งขั้วทางการเมืองอย่างไม่จบไม่สิ้น เราไม่ซื้อการแปะฉลาก “ประชาธิปไตย” ให้ตัวเอง ทั้งที่ทุกพรรคการเมืองได้ผ่านการเลือกตั้งมาในสนามและกติกาเดียวกัน
- เราเชื่อว่ายังมีพรรคการเมืองที่เป็นผู้นำได้ดีกว่าพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่จะขับเคลื่อนทั้งงานบริหารและงานสภาได้ราบรื่นกว่า สร้างเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจให้ประเทศได้ดีกว่า เปลี่ยนแปลงสังคมให้พัฒนาไปในทางที่สร้างสรรค์กว่า
และในไม่กี่วันข้างหน้า เราต้องการการตัดสินใจ “เลือก” ที่คำนึงถึงเหตุผลเหล่านี้ในรัฐสภา เมื่อทุกมือในสภาได้ตัดสินใจมีมติเป็นเสียงข้างมากแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เราจะเคารพมตินั้นแล้วเดินหน้าต่อไปด้วยกันค่ะ”
Related posts