‘เสรีภาพ’ ต้องมาพร้อม ‘ความรับผิดชอบ’ นักสิทธิฯ พร้อมใจโวย ต้าน Elon Musk ห่วงเสรีภาพที่ไร้ขอบเขตจะทำให้ทวิตเตอร์เต็มไปด้วย hate speech และข้อมูลเท็จ

ผู้ใช้ Twitter จำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะบรรดากลุ่มสิทธิมนุษยชนได้ออกมาแสดงท่าทีเป็นกังวลว่าการเข้าซื้อบริษัท Twitter จะทำให้ Twitter กลายเป็นดินแดนแห่ง ‘เสรีภาพที่ไร้ขอบเขต’ พร้อมย้ำว่าเสรีภาพต้องมาพร้อมกับ ‘ความรับผิดชอบ’ (Responsibility & Accountability)

“Twitter มีความรับผิดชอบที่จะต้องเคารพสิทธิผู้ใช้แพลตฟอร์มทั่วโลก ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าของบริษัทก็ตาม” Deborah Brown นักวิจัยด้านสิทธิดิจิทัลและผู้สนับสนุนของ Human Rights Watch กล่าว

“การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบาย ฟีเจอร์ และอัลกอริทึม ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยหรือครั้งใหญ่ก็ตาม อาจส่งผลกระทบที่คาดไม่ถึง และอาจสร้างความเสียหายร้ายแรง รวมถึงความรุนแรงในโลกออฟไลน์ด้วย”

และยังมีผู้ใช้อีกหลายคนที่เกรงว่า ถ้อยคำแสดงความเกลียดชัง หรือ hate speech และข้อมูลเท็จอาจปรากฏบนแอปมากขึ้น ภายใต้การดูแลของ Elon ซึ่งก่อนหน้านี้ได้บอกว่าตัวเองเป็น ‘คนเชื่อมั่นในเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างสุดโต่ง’

กลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิพลเมืองของสหรัฐฯ สมาคมแห่งชาติเพื่อความก้าวหน้าของคนผิวสี ( NAACP ) กล่าวถึง Elon Musk ในแถลงการณ์ว่า “เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเป็นเรื่องที่วิเศษ แต่ hate speech เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้…ข้อมูลเท็จ และ hate speech ต้องไม่มีที่ยืนใน Twitter”

Michael Kleinman ผู้อำนวยการด้านสิทธิมนุษยชน ให้ความเห็นว่า สิ่งสุดท้ายที่พวกเราต้องการคือ Twitter ที่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ต่อคำพูดที่รุนแรง และดูถูกผู้ใช้ โดยเฉพาะกับผู้ที่มักจะตกเป็นเป้าโจมตีที่สุด รวมถึงผู้หญิง และกลุ่ม Non-Binary (บุคคลที่ต้องการปฏิเสธการระบุเพศสภาพ)

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าผู้ใช้ที่ถูกระงับการใช้บัญชี เช่นอดีตประธานาธิบดี ทรัมป์ ที่กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในปีที่แล้ว จะได้รับอนุญาตให้กลับไปใช้แพลตฟอร์มหรือไม่

นักแสดงสาว Jameela Jamil ได้ประกาศเลิกเล่น Twitter ในทวีตว่า “ฉันเกรงว่าการเสนอราคาซื้อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นครั้งนี้ จะทำให้แพลตฟอร์มนรกนี้กลายเป็นแพลตฟอร์มแห่งความเกลียดชัง ความคลั่งศาสนา และความเกลียดชังผู้หญิง ขอให้โชคดี”

นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้บางคนขอดาวน์โหลดไฟล์ Twitter ของพวกเขาในกรณีที่พวกเขาตัดสินใจเลิกเล่นด้วย โดยมีผู้ใช้รายหนึ่งซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านความคิดสร้างสรรค์ทางดิจิทัลที่ Bayes Business School กล่าวว่า เขาได้ยื่นคำขอในกรณีที่ผู้ถือหุ้นเห็นด้วยกับการตัดสินใจสนับสนุนเสรีภาพอย่างแท้จริง…ที่ปราศจากความรับผิดชอบ กฎหมาย และค่านิยมของประชาธิปไตย

ส่วนผู้ใช้คนอื่น ๆ ตัดสินใจจะอยู่บนแพลตฟอร์มต่อไป โดยให้เหตุผลถึงข้อดีของแพลตฟอร์ม เช่น “แอปนี้เป็นที่เดียวที่คุณสามารถใส่ลิงก์ในบทความที่ซึ่งอาจมีคนอ่าน” และ “คุณรู้มั้ย ว่าฉันเขียนไป 3 บล็อก, นำไปลงทวีต และกลายเป็นกระแสไวรัล ในขณะที่ฉันตีพิมพ์ 3 บทความลงวารสารวรรณกรรมและไม่มีใครสังเกตเห็น”