Newsวิเคราะห์เหตุการณ์วันที่ 11 มิถุนายน มีอะไรเป็นแรงจูงใจ และเงื่อนไขที่ก่อให้เกิดการชุมนุมที่เลยเถิดจนบานปลาย

วิเคราะห์เหตุการณ์วันที่ 11 มิถุนายน มีอะไรเป็นแรงจูงใจ และเงื่อนไขที่ก่อให้เกิดการชุมนุมที่เลยเถิดจนบานปลาย

แล้วบ้านเมืองก็กลับมาวุ่นวายอีก ม็อบขับไล่นายกฯ กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปนาน สามเหลี่ยมดินแดงกลับมาเป็นสมรภูมิให้ประลองยุทธ์กันระหว่างตำรวจกับม็อบ ราวกับต้อนรับผู้ว่า กทม.คนใหม่ที่ไม่อยู่ ไปต่างประเทศพอดี

 

ที่ผ่านมาม็อบไม่ได้หายไปไหน มีชุมนุมเกือบทุกสัปดาห์ บางสัปดาห์มีวันเว้นวัน แต่มีคน มาไม่เท่าไร เรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนบ้าง ขัดขวางขบวนเสด็จบ้าง มีต่อล้อต่อเถียงกับตำรวจบ้าง ตำรวจไล่จับพวกที่กระทำเกินเลยการชุมนุมโดยสงบบ้าง

 

ถึงจะเผชิญหน้ากันอย่างไร แต่ไม่มีขว้าง ประทัด ปาระเบิด จุดไฟเผารถ เอาแมงกะไซมาเบิ้ลเครื่องป่วนบ้านเมือง ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน

 

ถ้าใครติดตามม็อบวันที่ 11 มิถุนายน จะพอเดาออกได้ ต้องมีเรื่องกันแน่ เพราะไม่ใช่ม็อบ เยาวชนนักศึกษาคนรุ่นใหม่อย่างที่เคยชุมนุมกันมาเท่านั้น

 

แต่มีพวกเด็กแว้น วัยรุ่น นักเลงหัวไม้ พกอาวุธมาเพียบ แล้วพอแกนนำประกาศยุติการชุมนุมสักหกโมงเย็นกว่าๆ พวกหลังนี่แหละที่พา กันไปที่สามเหลี่ยมดินแดง ตั้งใจไปต่อให้ถึงหน้า ร. 1 ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า เจ้าหน้าที่เขาไม่ให้ไป แต่ พวกนี้ก็จะไป เรื่องของเรื่อง ก็เลยมีเรื่อง

 

ถามว่าเด็กแว้น วัยรุ่น นักเลงหัวไม้ ขี่แมงกะไซมาวางแผนหรือตั้งใจมามีเรื่องหรือเปล่า ใครก็ตอบได้ว่าตั้งใจ เพราะถ้าไม่ตั้งใจล่วงหน้ามาก่อเหตุรุนแรง คงไม่นำประทัด ระเบิดปิงปอง ติดตัวมาเป็นจำนวนมาก และต้องไม่รวมตัวเดินทางฝ่าแนวตำรวจไป ร. 1

 

อีกเหตุผลก็คือถ้าไม่ วางแผนมาก่อเรื่องก็คงแยกย้ายกันกลับบ้านตั้งแต่แกนนำประกาศยุติการชุมนุมเมื่อหกโมงเย็นแล้ว แต่นี่อยู่ต่อและก่อเหตุไปจนถึงสี่ทุ่ม

 

มีความจริงที่ควรถูกบันทึกไว้ การชุมนุมในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาไม่มีความรุนแรง เกิดขึ้นทั้งจากผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ เพราะอยู่ในกรอบกฎกติกาที่ยอมรับกันได้ แม้จะฉิวเฉียดเส้น แบ่งของกฎหมายแต่ก็พอจะอะลุ่มอล่วยกันให้ได้

 

อย่างมากก็มีหิ้ว มีอุ้ม พาออกนอกพื้นที่ ไม่ถึงกับ เลือดตกยางออกหรือมีเสียงระเบิด แสดงว่าฝ่ายผู้ชุมนุมมาชุมนุมอย่างสันติปราศจากอาวุธ ทำตาม กฎหมายบ้านเมือง เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ใช้สิทธิเสรีภาพควบคู่ไปกับการทำหน้าที่พลเมืองดี

 

ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ใช้ความรุนแรง ไม่มีรถจีโน่ฉีดน้ำ ไม่มีแก๊สน้ำตา ประกาศยุติการชุมนุม ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เป็นภาพที่คุ้นชินมาหลายเดือน

 

แต่เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ภาพที่เกิดขึ้น ไม่ใช่กลุ่มผู้ชุมนุมเช่นที่เคยเป็นมา ไม่ได้เป็นการชุมนุมอย่างสันติ ไม่ใช่การกระทำที่เคารพสิทธิ เสรีภาพของผู้อื่น ไม่ได้ คำนึงถึงประโยชน์สุขของบ้านเมืองและประชาชนคนไทยทั้งที่อยู่ตรงนั้นและ ที่เดินทางผ่านไปผ่านมา กลายเป็นม็อบก่อความวุ่นวาย ใช้อาวุธ ใช้ความรุนแรง

           

ข้อเท็จจริงอีกเรื่องคือ กองเชียร์ที่เป็น Influencer ในโลกโซเชียล ทำหน้าที่อย่างเดียวคือ ด่านายกฯ ด่าตำรวจ ด่ารัฐบาล ใช้ความรุนแรง ภาพคลิปที่เอาออกมาปั่นกระแส ก็เป็นภาพด้านเดียว ด้านที่เจ้าหน้าที่เขากำลังปฏิบัติหน้าที่ คนพวกนี้ที่คอยปั่นกระแสสร้างประเด็นด้อยค่าคนอื่น ยุยง ส่งเสริมให้เอาความรุนแรงกลับมาใช้อีก ที่สำคัญไม่ได้เอาประโยชน์สุขของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง

           

ทำไมต้องใช้วิธีการรุนแรงเช่นนี้ขับไล่พลเอกประยุทธ์ด้วย วิธีแบบนี้คิดว่าไล่ได้สำเร็จหรือ? คำตอบอยู่ในใจทุกคนที่บงการเรื่องนี้อยู่คือ “ไม่สำเร็จ” แต่คนพวกนี้คิดไงว่าถ้ามีคนตายเยอะๆ อาจไล่ ได้สำเร็จ คนอาจออกมาบนถนนมากขึ้น คิดเอาความตายของผู้คนมาเป็นเครื่องมือ

 

เดาเอาเองว่า คนที่บงการเรื่องนี้อยู่ข้างหลังอ่านเหตุการณ์บ้านเมืองว่าพลเอกประยุทธ์จะอยู่อีกนาน ใช้สภาเป็นเครื่องมือขับไล่ก็ดูว่าไม่สำเร็จ จะพึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มั่นใจ เพราะข้อกฎหมายออกทางไหนก็ได้ จะรอเลือกตั้งใหม่ต้นปีหน้าอาจพอมีหวัง แต่ก็อีกนาน

 

ถ้าจะให้เร็ว เหลือวิธีเดียวคือเอาม็อบออกมา บนถนนให้ได้มากๆ เอาเสียแต่ตอนนี้เลย น้ำมันกำลังแพงลิตรละ 40 กว่าบาท มีแต่ขึ้นเอาขึ้นเอา ของกินของใช้แพงขึ้น หนี้ท่วม ธุรกิจเจ๊ง ชาวบ้านทุกชนชั้นเดือดร้อนกันถ้วนหน้า

 

โหมโรงที่ดินแดงก่อน เติมเชื้อทุกวัน นัดกันทุกวัน ให้มีลูกหลานเจ็บตัวได้เลือดกลับไปบ้าน เดี๋ยวก็ออกมาเยอะเอง ถึงโค่นไม่สำเร็จแต่ก็ช้ำจนไม่สามารถไปต่อในสมัยหน้าได้อีกก็คุ้มเกินคุ้ม

           

พอมองเห็นเค้าลางของความยุ่งยากในบ้านเมือง ความเดือดร้อนของประชาชนมีอยู่ให้ เห็นชัดเจน จะว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรก็คงไม่ใช่ มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจสารพัดที่คิดค้น คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ช่วยค่าน้ำมันจักรยานยนต์รับจ้าง คุมราคาดีเซลไว้ แต่ความเดือดร้อนก็ไม่หมดไป

 

เพราะสาเหตุใหญ่มันคือราคาน้ำมันซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่อาจควบคุมได้ ตรงนี้เป็นเชื้อให้ความไม่พอใจของผู้คนร้อนระอุได้ ต้องไม่ลืมว่ามีคนกำลังยุยงให้มีการชุมนุมประท้วง ม็อบ 11 มิถุนายน เป็นตัวกระตุ้นเหมือนหน่วยทะลวงฟัน ม็อบอื่นๆ น่าจะมีตามมา

 

ในฐานะคนไทยไม่ต้องการเห็น ความรุนแรง ไม่ต้องการความไม่ชอบธรรมของการชุมนุม ไม่สนับสนุนการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ที่ไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ไม่เห็นด้วยกับการสร้างกระแสแต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึง ความจริงที่เกิดขึ้นในสังคม

 

โดย แกงส้ม

อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า