
เตรียมเข้าควบคุม การทำงานแบงก์ชาติ? รัฐบาลชง ‘กิตติรัตน์’ เข้านั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
ในการคัดเลือกประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ด ธปท.) คนใหม่ แทนที่นายปรเมธี วิมลศิริ ที่กำลังจะหมดวาระลงนั้น กระทรวงการคลังได้มีการตั้งคณะกรรมการสรรหาขึ้นมา 1 ชุดเพื่อคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมโดยกระทรวงการคลังสามารถเสนอชื่อได้ 1 คน และ ธปท. สามารถเสนอชื่อได้ 2 คน
โดยรายชื่อทั้งหมดนั้น ธปท. จะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งในขณะนี้มีการคาดการณ์ว่า กระทรวงการคลังจะเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และอดีตประธานที่ปรึกษาของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ ธปท. ยังไม่มีการส่งรายชื่อ
ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อนั้น จะต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติโดยธปท. เสียก่อน และขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการคาดว่าจะเริ่มต้นในเดือน ต.ค.นี้ และจะมีสรุปผลการคัดเลือกภายในวันที่ 15 ต.ค. นี้
— รู้จักกิตติรัตน์ ณ ระนอง —
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เคยทำงานอยู่ในบริษัทด้านการเงินการลงทุนมาก่อนที่จะดำรงตำแหน่งผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และเคยเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการของสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยชินวัตร
ในปี 2554 นายกิตติรัตน์ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี (ด้านเศรษฐกิจ) และ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อนที่จะย้ายไปเป็น รมว.คลังในปี 2555 จนถึง 2557 นายกิติรัตน์พ้นสภาพความเป้นรัฐมนตรี จากการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรีจากตำแหน่งเลขาธิการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยขาดความชอบธรรม ในปี 2557
ในปี 2566 นายกิตติรัตน์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี
— ฉายา “ปุเล…นอง” —
ช่วงปลายปี 2554 สื่อมวลชนสายทำเนียบรัฐบาล ตั้งฉายาให้นายกิตติรัตน์ ว่า “ปุเลง…นอง” จากความล้มเหลวของรัฐบาล น.ส. ยิ่งลักษณ์ ในการป้องกันน้ำท่วมในเหตุการณ์ “มหาอุทกภัย ปี 2554” น้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค จ.พระนครศรีอยุธยา
ซึ่งปรากฏภาพนายกิตติรัตน์ยืนร้องไห้ สวมกอดปลอบขวัญนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค จ.พระนครศรีอยุธยา และผู้บริหารนิคมฯ ไฮเทค เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2554
ซึ่งฉายาดังกล่าวเป็นการเล่นคำกับพระนามของพระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์และแม่ทัพพม่า โดยเปรียบว่านายกิตติรัตน์นั้นเป็นเหมือนแม่ทัพเศรษฐกิจของรัฐบาล ปุเลง ๆ เดินทางไปหานักลงทุนเพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม แต่กลับล้มเหลวจนต้องร้องไห้น้ำตานองหน้า
— ฉายา “โต้ง White Lie” —
ในปี 2555 นายกิตติรัตน์ ออกมายอมรับว่าตัวเลขเป้าการส่งออกในปี 2555 เติบโตไม่ถึง 15 % อย่างที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งในปีนั้นตัวเลขการส่งออกเติบโตเพียง 3.1% เท่านั้น แต่การที่ตนกล่าวเช่นนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะพูดในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และรมว.คลัง จึงได้รับอนุญาตให้พูดไม่จริงในบ้างเรื่องก็ได้ เป็นการ “โกหกสีขาว (White Lie)” เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
ถึงแม้ว่านายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการ และโฆษกผู้ตรวจการแผ่นดินในขณะนั้น (2555) จะออกมากล่าวว่าสิ่งที่นายกิตติรัตน์พูดนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจเอกชนต่างๆ เนื่องจากภาคเอกชน ก็มีการประมาณการค่าเฉลี่ยเศรษฐกิจของแต่ละองค์กรธุรกิจอยู่แล้ว ไม่ได้โน้มอิงกับตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างเดียว
แต่การกระทำดังกล่าว ได้ทำลายความน่าเชื่อถือของนายกิตติรัตน์ ความเชื่อถือต่อคณะรัฐมนตรี และความเชื่อถือของประเทศด้วย เป็นการกระทำอันประมาทเลินเล่อ ส่อให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทย
และเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ในหมู่ประชาชนตั้งฉายาให้นายกิตติรัตน์ว่า “โต้ง ไวท์ ไลน์” โดยมาจากชื่อเล่นของนายกิตติรัตน์ว่า “โต้ง” นั่นเอง
— เศรษฐาปฏิเสธความเป็นไปได้ —
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาประธาน บอร์ด ธปท. ยืนยันเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2567 ว่าการคัดเลือกเป็นเรื่องตรงไปตรงมา เรื่องคุณสมบัติเป็นเรื่องที่กำหนดไว้ตามกฎหมายอยู่แล้ว
ในขณะที่นายเศรษฐา กล่าวเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2567 ว่านายกิตติรัตน์เป็นประธานบอร์ด ธปท. ไม่ได้ เพราะนายกิตติรัตน์ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และตนเองเข้าใจว่าผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด ธปท. จะต้องพ้นจากทุกตำแหน่งมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี