
คนใต้เลือกพรรคมีอุดมการณ์ เพื่อสู้ทักษิณ เลยเลือกก้าวไกล ‘เทพไท’ ชี้อดีต ปชป.เคยสู้ทักษิณ วันนี้เปลี่ยนไปแล้ว คนใต้เลยเทใจให้ก้าวไกลได้ปาร์ตี้ลิสต์ทั้งภาค
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส. นครศรีธรรมราช และอดีตรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าพรรคการเมืองที่คนใต้จะเลือกนั้น จะต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าเขาจะสู้กับใคร แต่พรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ชัดเจนในภาคใต้นั้นไม่มีแล้ว “มันตายไปหมดแล้ว”
เมื่อก่อนพรรคประชาธิปัตย์นั้นมีอุดมการณ์ที่ชัดเจนว่าจะสู้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกตั้งกี่รอบ คนใต้ก็จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้ไปสู้กับนายทักษิณ “วันนี้ประชาธิปัตย์ไปจูบปากกับทักษิณแล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีพรรคที่มีอุดมการณ์ที่จะไปสู้กับพรรคประชาชน”
และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพรรคก้าวไกล จึงได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์เป็นที่ 1 ทั้งภาคใต้ เพราะคนใต้เลือกการเมืองเชิงอุดมการณ์ ซึ่งพรรคก้าวไกลในเวลานั้นมีจุดยืนที่ชัดเจนในนโยบาย 4 ข้อของเขาคือ ขจัดทุนผูกขาด, กระจายอำนาจ, ปฎิรูปทหาร และปฎิรูปสถาบัน
ซึ่งคนใต้เห็นว่าเป็นความชัดเจนของพรรคก้าวไกล คนใต้ก็เลยเลือกจนได้คะแนนที่ 1 ทั้งภาคใต้ ดังนั้นในวันนี้คนก็มองว่าถ้าจะสู้กับพรรคประชาชน ก็ไม่เหลือพรรคใดแล้วนอกจากพรรคของคุณทักษิณ (พรรคเพื่อไทย) คุณทักษิณจึงพยายามที่จะปลุก “ผีส้ม” เพื่อที่จะมาหลอกพวกอนุรักษนิยม
ซึ่งพรรคอนุรักษนิยมในปัจจุบันก็โหลยโท่ย ทำอะไรก็ไม่ได้ สู้กับใครก็ไม่ได้ เลยมาอุปโลกน์ให้นายทักษิณเป็นหัวหอก นายทักษิณจึงได้ใจ จึงสถาปนาตนเองให้ไปสู้กับผีส้ม “เมื่อก่อนคบกับผีทักษิณ ตอนนี้ผีทักษิณไม่มีแล้ว ทักษิณกลับไปเป็นคนปราบผีส้ม”
และย้ำว่าการเมืองไทยก็เป็นละครที่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร ทุกพรรควิ่งเข้าหาพรรคที่ได้เป็นรัฐบาลหมด ขนาดว่าเป็นพรรคฝ่ายค้านก็ยังมีการแบ่งซีกกัน ซีกหนึ่งอยู่กับฝ่ายรัฐบาล อีกซีกมาอยู่กับฝ่ายค้าน
นายเทพไทยกล่าวว่า ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยพยายามแสดงตัวแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนั้น ก็เพราะว่าในตอนหาเสียง พรรคเพื่อไทยหาเสียงว่าพรรคตนเองเป็นมือแก้เศรษฐกิจ แต่ผลของการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่บอกว่าจะสร้างพายุหมุน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเพียงแค่การผายลม
นอกจากนี้ นายทักษิณยังเคยกล่าวใน Club House ว่ารัฐบาลที่แจกเงินคือรัฐบาลที่ปัญญาอ่อน ว่าในตอนนี้ รัฐบาลของ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของนายทักษิณ แจกเงินไป 2 รอบแล้ว ทำให้ตนเองสงสัยว่าแบบนี้ควรจะเรียกว่าปัญญานิ่ม หรือปัญญาอ่อน
ที่ตนเองกล่าวในส่วนนี้ เป็นการกล่าวแทนประชาชนที่เป็นผู้เสียภาษี แล้วรัฐบาลไปก่อหนี้มาเพื่อที่จะมาหาเสียงให้ตนเอง ซึ่งตนเองเชื่อว่าต่อไปในอนาคต จะมีอีกหลายพรรคที่จะหาเสียงว่า ถ้าหากเลือกพรรคของเขาเป็นรัฐบาลเขาจะแจกเงิน 5 หมื่น หรือจะให้เงินเดือนกับทุกคน เอาเงินหลวงมาหาเสียง ประเทศจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน
นายเทพไทยยังตั้งคำถามด้วยว่า กกต. ปล่อยผ่านสิ่งที่เข้าข่ายว่าหาเสียงล่วงหน้าไปได้อย่างไร ซึ่งตอนนั้นอ้างว่าแจกเงินดิจิทัล แต่มาตอนนี้แจกเป็นเงินสด มันแตกต่างจากการใช้เงินสดซื้อเสียงล่วงหน้าอย่างไร และการที่ กกต. ไม่ทำอะไรนั้น ตนเองเห็นว่าควรจะยุบ กกต. ไปเสียดีกว่า เพราะสิ้นเปลือง
และระบุว่าในการเลือกตั้งที่นครศรีธรรมราช แม่บ้านในบ้านตนเองได้รับเงินซื้อ 200 บาท จำนวน 3 คน คือพ่อ แม่ และลูก ซึ่งลูกนั้นอายุไม่ถึง 18 ปี แต่ไปหลอกเขาว่าอายุถึงจึงได้มา ถ้า กกต. ต้องการจะตรวจสอบ ให้ไปที่บ้านตนเองได้เลย เดี๋ยวตนเองจะอำนวยความสะดวกให้