รู้จักผู้นำกบฏซีเรีย อดีตผู้นำกลุ่มก่อการร้าย Al-Queda และ Al-Nusra สู่ผู้นำกลุ่ม HTS ที่โค่นล้มอดีตประธานาธิบดีอัสซาด
ภายหลังจากที่กลุ่มกบฏซีเรียบุกยึดดามัสกัสเมืองหลวงของซีเรียและประกาศชัยชนะพร้อมยุติสงครามกลางเมืองในซีเรียที่ยาวนานมากว่า 13 ปีได้นั้น กลุ่มที่ทรงอิทธิพลทางทหารมากที่สุดในปฏิบัติการครั้งนี้ก็คือ กลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ที่เรียกตัวเองว่า ฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (Hayat Tahrir al-Sham) หรือ HTS ซึ่งมี อาบู โมฮัมเหม็ด อัล-โกลานี (Abu Mohammed al-Golani) เป็นผู้นำ
อัล-โกลานี เป็นอดีตผู้นำกลุ่มอัลกออิดะฮ์ (Al Qaeda) สาขาซีเรีย แต่เขาถือเป็นบุคคลลึกลับที่พยายามหลบเลี่ยงสายตาสาธารณชนมาโดยตลอด แม้ว่ากลุ่มของเขาจะเป็นกลุ่มที่ทรงอิทธิพลที่สุดในการโค่นล้ม ปธน.บาชาร์ อัล-อัสซาด ก็ตาม
อัล–โกลานี เคยต่อสู้ให้อัลกออิดะฮ์ในอิรัก ซึ่งเขาถูกจำคุกในสหรัฐฯ นานถึง 5 ปี ก่อนที่จะถูก อบู โอมาร์ อัล-บักดาดี ผู้นำกลุ่มรัฐอิสลามในอิรักในเวลานั้น ส่งตัวกลับไปซีเรียอีกครั้ง เพื่อสร้างฐานที่มั่นของกลุ่มอัลกออิดะห์ ในช่วงสงครามกลางเมืองซีเรียปี 2011
ก่อนที่กลุ่มอัลกออิดะห์ในซีเรียจะเปลี่ยนตัวเองมาเป็นกลุ่มกบฏที่ชื่อ “จาบัต อัล-นุสรา” (Jabhat an-Nusra) ในปี 2012 และมี อัล-โกลานี เป็นผู้นำกลุ่ม
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เพิ่มชื่อ อาบู โมฮัมเหม็ด อัล โกลานี ไว้ในบัญชีดำผู้ก่อการร้ายในปี 2013 โดยระบุว่า อัลกออิดะฮ์ในอิรักมอบหมายให้เขาโค่นล้มการปกครองของอัสซาด และสถาปนากฎหมายชารีอะห์ของศาสนาอิสลามในซีเรีย
ในการให้สัมภาษณ์สื่อครั้งแรกในปี 2013 โกลานีเรียกร้องให้ซีเรียใช้กฎหมายชารีอะห์ โดยกลุ่ม จาบัต อัล-นุสรา ได้ทำการก่อการร้ายระเบิดพลีชีพที่สังหารพลเรือนในซีเรียไปมากมาย
ต่อมาในปี 2016 กลุ่ม จาบัต อัล-นุสรา ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์กับอัลกออิดะฮ์ และเปลี่ยนชื่อมาเป็น จาบัต ฟาทาห์ อัล–ชาม (Jabhat Fatah al-Sham) ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะรวมกับอีก 4 กลุ่ม และเปลี่ยนชื่อเป็นกลุ่ม ฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (HTS) ในภายหลัง
เมื่อกลุ่มกบฏมุสลิมซุนนีเข้ายึดดามัสกัดได้แล้ว กลุ่ม HTS ได้ออกแถลงการณ์เพื่อขอให้อิสลามนิกายอลาวียะห์ (นิกายเดียวกับอัสซาด อดีตผู้นำซีเรีย) ชาวคริสเตียน และชนกลุ่มน้อยอื่นๆ มั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับการปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมทั้งขอร้องให้พวกเขาอยู่แต่ในบ้านและปฏิเสธ “สงครามจิตวิทยา” ของรัฐบาลซีเรียทุกประการ
ในแถลงการณ์นั้น ยังเรียกร้องให้กลุ่มอลาวียะห์ยอมรับการเป็นส่วนหนึ่งของซีเรียในอนาคต ซึ่งจะไม่ยอมรับการแบ่งแยกทางการเมืองจากนิกายทางศาสนา (Sectarianism) อีกต่อไป