Newsพบแล้ว! ที่มาของ โพสต์วิจารณ์พีระพันธุ์ “รู้กฎหมาย ไม่รู้เรื่องพลังงาน นโยบายย้อนยุคของพีระพันธุ์”

พบแล้ว! ที่มาของ โพสต์วิจารณ์พีระพันธุ์ “รู้กฎหมาย ไม่รู้เรื่องพลังงาน นโยบายย้อนยุคของพีระพันธุ์”

สืบเนื่องจากกรณีที่เมื่อวานนี้ (5 ม.ค. 2568) สำนักงานพลังงานจังหวัดลำปาง โพสต์เฟซบุ๊กเผยแพร่บทความวิจารณ์นโยบายพลังงานของพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. พลังงานเอาไว้อย่างรุนแรงว่า รู้กฎหมาย ไม่รู้เรื่องพลังงาน นโยบายย้อนยุคของพีระพันธุ์ 

 

ก่อนที่จะลบออกในภายหลัง แต่มีสื่อรายหนึ่งแคปเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่จะทำการเผยแพร่ข่าวในพาดหัวว่า แคปทัน! โพสต์หราหน้าเฟซ “พลังงานจังหวัดลำปาง” ถล่ม “พีระพันธุ์” คร่ำครึ แต่รีบลบทิ้ง 

 

จากการสืบค้นพบว่า เนื้อความที่เคยปรากฏบนหน้าเพจของสำนักงานพลังงานจังหวัดลำปางนั้น เป็นเนื้อหาที่มาจากบทวิเคราะห์ของสำนักข่าว The Room 44 ลงเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2568 โดยมีการใช้พาดหัวเดียวกัน

 

บทวิเคราะห์ดังกล่าวนั้น วิจารณ์การที่พีระพันธุ์ออกมาประกาศว่าเป็นคนร่างกฎหมายกำกับกิจการน้ำมันและก๊าซด้วยตัวเอง โดยจะทำการ “รื้อ ลด ปลด สร้าง” โครงสร้างพลังงานให้เป็นธรรมกับทุกฝ่ายนั้น เป็นการสร้างนโยบายที่สวยหรูเลือกใช้คำพูดที่โดนใจประชาชนอย่างเช่น ทลายการผูกขาด ลดราคาน้ำมัน

 

แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงการสร้างภาพของพีระพันธุ์ เพื่อกลบคำถามว่าในรอบปีกว่าที่ผ่านมา รมว. พลังงานมีผลงานอะไรบ้าง เป็นเพียงการ ดันทุรัง เสนอเป็นนโยบาย ทำให้ประชาชนคนที่ไม่อยู่ในวงการพลังงานสับสนกันเป็นอย่างมาก และจะส่งผลกระทบในเชิงโครงสร้างของพลังงานประเทศ อีกทั้งยังกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ The Room 44 ยังรายงานด้วยว่าพีระพันธุ์นั้น นอกจากจะไม่มีความรู้และประสบการณ์เรื่องพลังงานแล้ว ยังไม่รับฟังความคิดเห็นของคนรอบข้าง หรือแม้แต่จากข้าราชการในกระทรวงพลังงานเอง ซึ่งทำให้คนในกระทรวงพลังงานอึดอัดใจ 

 

และยังวิจารณ์นโยบายการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง Strategic Petroleum Reserve (SPR) ของพีระพันธุ์ว่า เป็นการไปลอกเลียนแบบมาจากประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐ ญี่ปุ่น จีน ในขณะที่ประเทศไทยนั้น ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องสำรองน้ำมันนานถึง 90 วัน การสำรองเพียง 30 วันอย่างที่มีการปฎิบัติกันอยู่แล้วนั้น เหมาะสมดีแล้ว

 

อีกทั้งการสำรองน้ำมันเอาไว้เป็นเวลานานนั้น จะต้องมีต้นทุนในการจัดซื้อน้ำมันเข้ามาในประเทศ และต้นทุนสถานที่กักเก็บ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยไม่มีสถานที่กักเก็บน้ำมันสำรองดังกล่าว อีกทั้งยังตั้งคำถามว่า ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาจากนโยบายของพีระพันธุ์นั้น จะต้องใช้ภาษีของประชาชน สร้างภาระให้กับประชาชนอีกหรือไม่ 

 

และยังวิจารณ์นโยบายโครงสร้างราคาน้ำมันในรูปแบบของ Cost Plus โดยมุ่งเน้นให้โรงกลั่น(ผู้ผลิต)แจ้งต้นทุนการจัดหาน้ำมันดิบที่แท้จริงนั้น จะเป็นการถ่ายโอนความเสี่ยงของโรงกลั่นไปให้กับประชาชนแบกรับแทน โดยอ้างเรื่องการลดความผันผวนของการปรับราคาขายหน้าปั๊มเป็นเดือนละครั้งแทนการลดภาระน้ำมันแพงตามที่โฆษณาไว้ และจะไม่สร้างแรงจูงใจในการพัฒนาโรงกลั่นน้ำมัน

 

และนโยบายการลดค่าการตลาด ที่จะส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมันเร่งลดต้นทุนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หยุดการพัฒนาสถานีบริการ เช่น ไม่พัฒนาพื้นที่ในปั๊ม ขาดการบริการที่ดี หรือไม่รักษามาตรฐาน ห้องน้ำให้ประชาชน เพราะผู้ประกอบการต้องตัดค่าใช้จ่ายดังกล่าวลง ชดเชยกับค่าการตลาดที่ลดลง

 

อีกทั้งยังจะทำให้บริษัทผู้ค้าน้ำมันต่างชาติถอนตัวจากการทำธุรกิจในประเทศไทย เพราะไม่สามารถแข่งขันทางธุรกิจได้ก่อนที่จะประกาศใช้กฎหมายใหม่อีกด้วย

 

The Room 44 ยังได้ให้ข้อเสนอแนะแก่พีระพันธุ์ว่า ควรจะให้ความสนใจกับการกำกับดูแลกฎหมายปัจจุบันที่ประกาศใช้ให้มีประสิทธิภาพเสียก่อนที่จะออกกฎหมายอื่น 

 

“เช่น ในเรื่องการกำกับดูแลกฎหมาย ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 และมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีผู้ค้าน้ำมันสีเขียว ที่แปลงร่างจาก ผู้ค้ามาตรา 7 เป็นผู้ค้ามาตรา 10 เพื่อหลบเลี่ยงการเก็บสำรองน้ำมันตามกฎหมาย

 

บทบาทของรัฐมนตรีพลังงานควรทำให้เกิดการแข่งขันที่เสมอภาค ให้ผู้ค้าน้ำมันสีเขียวมีการเก็บสำรองน้ำมันตามกฎหมาย ไม่ควรให้มีการใช้ช่องว่างทางกฎหมาย เอาเปรียบผู้ค้าน้ำมันรายอื่นๆ เพื่อทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และเพื่อให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์สูงสุด

 

หากจะแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพงอย่างจริงจัง พีระพันธุ์จะต้องไปทบทวนดูเรื่องการเก็บภาษี ควรหยุดเพ้อเจ้อ ซึ่งจะทำให้ประชาชนสับสน ข้าราชการอึดอัดจากการกำกับดูแลตามนโยบายของรัฐมนตรีพีระพันธุ์ที่ไม่มีความรู้ทางด้านพลังงาน เพียงแต่ท่านจะใช้ความรู้ทางด้านกฎหมายเพื่อสร้างภาพทำให้ตนเองเป็นฮีโร่ เท่านั้น”




เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า