รวดเร็ว กันเอง มีผลงาน คือสูตรสำเร็จของผู้นำทุกชาติ ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ ชี้ผู้นำคนรุ่นใหม่ก็ประสพความสำเร็จได้ หากมีทีมงานเบื้องหลังที่เก่งการ มีความสามารถสูง
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ในรายการคนเคาะข่าว เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2567 ถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า น.ส. แพทองธารถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความได้เปรียบในเรื่องความกระฉับกระเฉง แต่อย่างไรก็ดี มีความรวดเร็วแล้วแม่นยำหรือไม่ ซึ่งความรวดเร็วและแม่นยำนั้นต้องมาคู่กัน ถ้าเร็วเกินไป แต่ไม่แม่นยำจะก่อให้เกิดปัญหาอย่างที่เคยเกิดขึ้นในหลายรัฐบาล
โดยยกตัวอย่างกรณีการแต่งตั้งรัฐนตรีที่เป็นปัญหามาแล้วนั้น เปิดขึ้นจากการตรวจสอบที่ไม่ดี และส่งผลให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประกาศขอเพิ่มเวลาในการตรวจสอบคุณสมบัติมากขึ้น เพื่อให้เกิดการตรวจสอบได้ลึกขึ้น และรอบด้านมากขึ้น
นอกจากนี้สัญชาตญาณทางการเมืองเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ไม่สามารถสอนกันได้ เรียนรู้ได้ลำบาก ต้องใช้พรสวรรค์ และมีความสำคัญ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ทั้งนี้ผู้นำรุ่นใหม่ที่มีความรวดเร็วนั้นจะต้องมีความแม่ยำด้วย และต้องระวังเรื่องประสบการณ์
ทั้งนี้การเมืองสมัยใหม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม รัฐธรรมนูญก็ใหม่ การเมืองแบบ on air ก็ใหม่ เป็นการเมืองแบบฉับไว คราวที่แล้วเราคิดว่าสมัยคุณพ่อ (นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของ น.ส. แพรทองธาร) ว่าไวแล้ว สมัยนี้ไวกว่ามาก และดุเดือดกว่าเยอะ
และหลายประเทศกำลังจับตามองว่าจะเกิดเสถียรภาพและความต่อเนื่องหรือไม่ โครงการต่าง ๆ จะดำเนินการต่อหรือไม่ เร็วก็จริง แต่แม่นยำและมั่นคงหรือไม่
เมื่อถามว่าการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองของนายทักษิณ จะกลายเป็นจุดแข็ง หรือจุดอ่อนหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า เรื่องราวที่ผ่านมานั้นเป็นอดีต ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบถึงปัจจุบัน แต่สิ่งที่ควรจะพิจารณาก็คือพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างไร เรื่องนี้มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าที่มาที่ไปของครอบครัวชินวัตร
ทั้งนี้ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นตำแหน่งที่พิเศษ เป็นผู้นำของฝ่ายบริหาร มีอยู่คนเดียว และมีคนเกรงใจเยอะ ไม่ค่อยกล้าที่จะแนะนำอะไรอีกแล้ว ถือเป็นจุดสูงสุดในชีวิตการเมือง ถือเป็นตำแหน่งที่โดดเดี่ยว มีคนไม่กี่คนที่สามารถพึ่งพาได้
พอเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วถือว่าบรรลุ แต่ความจริงแล้วไม่ได้บรรลุ ยังคงดำน้ำอยู่เรื่อยก็มี เพราะว่าประสบการณ์น้อย ตนเองเคยถูกนายลี กวนยู (นายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์) เชิญไปพบ และพูดคุยส่วนตัวเป็นเวลานาน
ซึ่งสิ่งที่ลี กวนยูสนใจมากคือ เขาทำผิดอะไรบ้าง มีอะไรบ้างที่คนอื่นไม่กล้าบอก แต่ตนเองกล้าบอก ซึ่งตนเองจดความผิดของลี กวนยูเอาไว้เยอะ ซึ่งบอกไม่ได้ว่าผิดจริงหรือไม่ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว
นายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่ที่โดดเดี่ยว ต้องตัดสินใจเอง ไม่มีใครกล้าทัดทานอะไร อีกทั้งยังมีคนบอกว่าครอบครองเขาด้วย แต่ตนเห็นว่าอาจจะเป็นครอบครัวเสียมากกว่า และครอบครัวอาจจะทัดทานบ้าง แต่ก็ต้องตัดสินใจเองเยอะ
ดังนั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่กำลังจะออกมา คนทั้งในและต่างประเทศจะดูว่าเป็น ครม. ของใคร เป็นทีมงานของนายกคนปัจจุบันหรือเนทีมงานของใคร เป็นตัวของตัวเองหรือไม่ ถูกครอบงำหรือไม่ นอกจากนี้ ต่างประเทศจะมองลึกลงไปอีกว่า ผลประโยชน์ที่เขาลงทุนเอาไว้ในประเทศไทย จะได้รับคืนหรือไม่
ซึ่งในวันที่ น.ส. แพทองธารรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง คำถามที่ 3 ของสื่อต่างชาติที่ถามว่าจะทำอย่างไรกับจีนนั้น ถือเป็นการขุดหลุมพราง และต้องการจะทราบว่าประเทศไทยจะทำอย่างไรกับจีน ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีการทุ่มตลาด ล้มคู่แข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม
แต่ น.ส. แพทองธารกลับตอบว่า เรารักกับจีน เป็นเพื่อนรัก สนิทกัน ทำให้เกิดมุมมองอีกอย่างหนึ่ง ทำให้เกิดการตีความว่าประเทศไทยเป็นพวกจีนไปแล้ว ซึ่งไปห้ามเขาไม่ได้ กลายเป็นการตอกย้ำความคิดของหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐ ซึ่งกำลังมีการหาเสียงด้วยการชี้ว่าจีนเป็นภัยต่อสหรัฐ
นอกจากนี้สหประชาชาติ สหภาพยุโรป และ NATO เองก็พยายามสั่งสอนจีน เนื่องจากจีนให้ความช่วยเหลือรัสเซีย ทำให้มาตรการคว่ำบาตรไม่ได้ผล และนี่เป็นเรื่องของวันนี้ พรุ่งนี้ที่ควรพิจารณา
เมื่อถามว่าการที่นายกรัฐมนตรีมีนายทักษิณเป็นบิดา จะช่วยให้การเจรจากับต่างประเทศราบรื่นขึ้นหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า เราจะให้ใครก็ได้ที่มีศักยภาพเป็นผู้เจรจาก็ได้ นี่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ทั้งนี้ขอให้มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ และผ่านการตรวจสอบ ซึ่งถ้าหากครอบครัว หรือคู่แข่งทางการเมืองมีศักยภาพก็สามารถแต่งตั้งได้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และโจ ไบเดนต่างก็ทำมาแล้ว เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ
สำหรับการวิจารณ์ในตัว น.ส. แพทองธาร ที่มีอายุน้อย และไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนในช่วงเวลานี้นั้น ถือว่าไม่เป็นธรรมกับตัวเธอนัก เนื่องจากเธอยังไม่ได้เริ่มทำงาน (ในฐานะนายกรัฐมนตรี) และอาจจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ได้
ทั้งนี้ตัวอย่างโรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเมื่อขึ้นรับตำแหน่ง เรแกนเองก็ไม่รู้เรื่องการเมืองมากนัก พูดผิด ๆ ถูก ๆ เยอะ แต่เป็นคนน่ารัก พูดจาสื่อสารง่าย ๆ ชาวบ้านฟังแล้วเข้าใจ มีบุคลิกอบอุ่น เนื่องจากเคยเป็นอดีตดาราภาพยนตร์ฮอลีวูดเกรดบี
และที่สำคัญคือเรแกนตั้งคนเก่ง ๆ เป็นคณะที่ปรึกษา คณะทำงานโดยให้อิสระ ไม่สั่งการ ไม่บงการ ทำให้เรแกนได้เป็นประธานาธิบดี 2 สมัย กลายเป็นประธานาธิบดีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ สามารถพาสหรัฐชนะสงครามเย็น เจรจาหย่าศึกกับสหภาพโซเวียตได้ ทั่วโลกต่างยกย่องสรรเสริญ ทั้ง ๆ ที่ตัวเรแกนไม่ได้เป็นคนเก่งเลย แต่มีทีมงานที่เก่ง
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่มีใครมีประสบการณ์มากก่อน แต่จะสามารถประสบความสำเร็จได้หากมีทีมงานที่ดี มีความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง ควบคู่ไปกับการต่างประเทศ จะเลือกเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งไม่ได้ เพราะทุกเรื่องมีความเชื่อมโยงถึงกันหมด
เมื่อถามว่าจะแนะนำ น.ส. แพทองธารอย่างไร เพื่อมิให้เกิดการตั้งคำถามเรื่องภาวะผู้นำ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าประการแรกควรแก้ปัญหาเรื่องปากท้อง ค่าครองชีพ และราคาพลังงาน การอัดฉีดเงินลงไปนั้น สิงคโปร์เริ่มทำแล้ว อยากจะทราบเช่นกันว่ารัฐบาลจะเริ่มโครงการเมื่อใด
ประการที่ 2 คือการส่งออก เนื่องจากในเวลานี้ไม่สามารถขายสินค้าได้ ทราบมาว่าตุลาคมนี้จะเข้าร่วมกับกลุ่ม BRIC ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะสามารถขายสินค้าให้กลุ่มนี้ได้จริงหรือไม่ ประกอบกับสหรัฐกำลังจะตั้งป้อมขึ้นภาษีกับไทย เนื่องจากในการหาเสียงมีการประกาศเอาไว้แล้วว่าจะมีการจัดการกับจีนและพรรคพวก ซึ่งหมายถึงประเทศไทยด้วย รัฐบาลต้องเตรียมหามาตรการรับมือว่าจะขายให้ใคร และเป็นเรื่องที่น่ากังวล
และที่มีการลงทุน นำเทคโนโลยีเข้ามาในประเทศแล้ว แต่ไม่สามารถหาผู้ผลิตได้ เนื่องจากขาดแคลนทรัพยากรบุคคล รัฐบาลต้องเร่งประกาศมาตรการรองรับ ซึ่งทางมาเลเซียปราศแล้วว่าจะผลิตคนรุ่นใหม่ ในสาขาใดบ้าง และจำนวนเท่าไร ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติพึงพอใจ
การส่งเสริมการท่องเที่ยว และซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหารนั้น ถึงแม้ว่าจะทำให้คนไทยมีรายได้เพิ่ม แต่นั่นยังไม่เพียงพอ ได้เต็มที่ก็เพียง 30% สิ่งที่ควรทำคือการส่งออก การสร้าง “ยูนิคอร์น (ธุรกิจ Start Up ที่เป็นดาวรุ่ง)” และจะต้องสร้างความร่วมมือกับเวียดนาม, มาเลเซีย และเมียนมาให้มากกว่านี้ เพื่อการสร้างความได้เปรียบ
เนื่องจากเวียดนามมี Start Up ที่สามารถสร้าง EV ได้แล้ว มาเลเซียมีความโดดเด่นในอุตสาหกรรมไฮเทค และเมียนมามีแรงงานและทรัพยากรพลังงานมาก
และสำหรับในระยะยาวนั้น มีการตั้งยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเอาไว้แล้ว ว่าจะต้องเพิ่มรายได้ให้กับคนไทยให้ได้ 1 เท่า เพื่อการหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปลานกลาง เข้าสู่ระบบใหม่ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม จึงควรจะทำมาใช้ จะนำมาแถลงด้วยก็ได้ และรัฐบาลควรสร้างผลงาน ให้ผลงานเป็นตัวบอกความสำเร็จได้ด้วยตัวของมันเอง
สำหรับบุคลิกส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีนั้น ควรจะต้องปรับให้มีความเป็นกันเองมากขึ้น เพื่อการลดช่องว่าง เนื่องจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งสูงสุด และโดดเดี่ยว โดยยกตัวอย่างอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา ที่ไปปรากฏตัวในร้านสะดวกซื้อ เพื่อลดช่องว่างกับประชาชน และเป็นสิ่งที่ต้องทำ
อีกทั้งยังต้องทำอย่างจริงใจด้วย เนื่องจากคนสมัยนี้ดูออก เนื่องด้วยอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย มีการตอบโต้กันทุกวัน ต้องทำให้รู้สึกว่านายกฯ ลงมาสัมผัสชีวิตของประชาชนได้อย่างเป็นธรรมชาติ มิได้ปรุงแต่ง เข้าใจในปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง
“เพราะฉะนั้น ความรวดเร็ว เป็นกันเอง และผลงานเชิงประจักษ์ จะทำให้อยู่ได้ รวมทั้งที่ปรึกษา อันนี้เป็นสูตรสำเร็จของทุกประเทศ ไม่มีอะไร” รศ.ดร. ปณิธานกล่าว
สำหรับความเป็นผู้หญิงของ น.ส. แพทองธารนั้น รศ.ดร.ปณิธานกล่าวว่า จากรายงานของสหประชาชาติระบุว่าผู้ชายกับผู้หญิง ในทางการเมืองไม่มีความแตกต่าง เนื่องจากโครงสร้างทางการเมืองไม่ได้แตกต่าง แต่การตัดสินใจบางอย่าง โดยธรรมชาติของผู้หญิงมีความรอบคอบ แต่เรื่องการคอร์รัปชัน ผู้หญิงผู้ชายนั้นไม่ต่างกัน ตนเองไม่เห็นความเป็นผู้หญิงจะสร้างข้อเสียเปรียบ และอาจจะดีกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ เพราะว่าเป็นเรื่องใหม่
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับทหาร รศ.ปณิธานกล่าวว่าในกองทัพเองก็มีหลายฝ่าย แม้ว่าทหารจะมีความเป็นอนุรักษนิยม แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในกองทัพหลายอย่าง กองทัพไทยมีความเข้มแข็งมากขึ้น มีผู้นำที่มีศักยภาพมากขึ้น ความสัมพันธ์จึงมีความซับซ้อนมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ดีปัญหาเฉพาะหน้าสำหรับนยกรัฐมนตรี คือการจัดระเบียบ ทั้งในพรรคตนเอง พรรคร่วมรัฐบาล และส่วนราชการ ซึ่งส่วนราชการในวันนี้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา มีการจัดระเบียบราชการใหม่ ให้ทุกส่วนราชการทำงานภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติเดียวกัน ใช้งบประมาณกลุ่มเดียวกัน ไม่สะเปะสะปะเหมือนเมื่อก่อน
แต่ความอ่อนแอสะสมทำให้เกิดปัญหาตามมามาก ยังไม่มีความลงตัว แต่อีกสักพักก็คงจะดีขึ้น และการจัดระเบียบในส่วนนี้จะเกิดขึ้น ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกัน หรือเกิดขึ้นเป็นช่วง ๆ หรือไม่ แต่หากไม่ทำอะไร เรื่องเหล่านี้จะย้อนกลับมาสร้างปัญหาได้มาก
สำหรับการดำเนินนโยบายกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า แนวทางการดำเนินนโยบายนั้น อยู่ที่กระทรวงต่างประเทศทั้งหมดแล้ว เพียงรอการตัดสินใจ และการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวนั้น ถูกชะลอมาเป็นปีแล้ว