
ไพ่ในมือจีนในการตอบโต้สหรัฐ ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ เผยแนวทางการตอบโต้ ในสงครามการค้าของจีนต่อสหรัฐ
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง กล่าวถึงการทำสงครามการค้าอย่างเต็มรูปแบบระหว่างสหรัฐ และจีนว่าจีนเองจะปล่อยให้มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐนั้น สร้างผลกระทบให้ราคาสินค้าในสหรัฐมีราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากสินค้าจีนนั้น ครองตลาดสหรัฐอยู่ และเมื่อสินค้าแพงมาก คนอเมริกันก็จะหันมากดดันรัฐบาลเอง
ทั้งนี้ สำหรับทางฝั่งผู้นำจีนแล้ว สงครามการค้าในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการเดิมพันในเรื่องของศักดิ์ศรี และความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมจีน ซึ่งทางผู้นำจีนเองก็คงจะสู้กับสหรัฐในสงครามครั้งนี้จนถึงวาระสุดท้าย
และการออกมาตรการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนนั้น ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในสมัยทรัมป์ 2.0 แต่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก และเมื่อมาถึงสมัยของโจ ไบเดน ก็มีการเพิ่มภาษีกับจีน ซึ่งเมื่อนับรวมกันจนมาถึงปัจจุบัน สินค้าจีนถูกเก็บภาษีนำเข้ารวมกันถึง 125% แล้วด้วยซ้ำไป
อีกทั้งยัง มีแนวโน้มว่า ฐานภาษีจะเพิ่มขึ้นมากขึ้น แต่ถึงจะเพิ่มขึ้นมากอย่างไรจีนก็มีเวลาหลายปีในการเตรียมตัวที่จะเผชิญกับสถานการณ์นี้ และสร้างความยืดหยุ่นไว้ให้กับตัวเองหลายอย่าง เช่นการมีเงินทุนสำรอง การมีตลาดใหม่สำหรับสินค้าไฮเทค
อีกทั้งจีนยังสามารถควบคุมแร่ธาตุหายาก (Rare Earth) เอาไว้ได้ ในขณะที่สหรัฐพยายามแสวงหามาจากยูเครน และกรีนแลนด์ ซึ่ง Rare Earth นี้มีความสำคัญกับอุตสาหกรรมไฮเทค และยุทโธปกรณ์ของสหรัฐ อีกทั้งจีนยังมีปัจจัยอื่นที่ยังสามารถใช้ตอบโต้กับสหรัฐได้อีกด้วย
นอกจากนี้ จีนยังมีไพ่อีกใบ ก็คือการเจรจากับสหรัฐผ่านองค์กรการค้าโลก (WTO) บนพื้นฐานของข้อตกลง ค.ศ. 1994 เนื่องจากเห็นได้ว่ามีการละเมิดข้อตกลงนี้โดยสหรัฐ แต่ WTO นั้นอ่อนแรงลงไปมากหลังจากที่สหรัฐยุติการสนับสนุนงบประมาณลงตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ทั้งนี้ WTO ก็ยังคงถือได้ว่าเป็นกลไกระหว่างกลางอยู่
อย่างไรก็ดี แต้มต่อของจีนคือการที่จีนไม่ต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งทำให้ถ้าหากว่าเศรษฐกิจของจีนตกต่ำ จีนก็ไม่มีแรงกดดันมากเท่ากับการตกต่ำลงของเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ การที่สหรัฐโจมตีแม้กระทั่งชาติพันธมิตรของตัวเอง โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งรวมไปถึงญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ทำให้จีนเกิดความได้เปรียบในการร่วมมือกับพันธมิตรเหล่านี้ เพื่อสร้างอำนาจทางการเมืองขึ้นมา
สำหรับสินค้าเกษตรที่จีนนำเข้านั้น จีนสามารถประกาศยุติการนำเข้า หรือเพิ่มภาษีได้ ซึ่งถึงแม้ว่าชาวจีนจะต้องจ่ายเงินซื้อมากขึ้น แต่เกษตรกรสหรัฐน่าจะได้รับผลกระทบที่ซ้ำซ้อนมากกว่า จากการที่ยอดการส่งออกลดลง แต่ต้องซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคแพงขึ้น
ส่วนธุรกิจของสหรัฐในจีนนั้น ธุรกิจรายใหญ่อย่างเช่นอุตสาหกรรมไฮเทคคงจะไม่เดือดร้อนมาก แต่ธุรกิจขนาดเล็กนั้น จีนสามารถออกกฎมาบีบบังคับบริษัทเหล่านี้ให้จ่ายภาษีเพิ่มขึ้น, ไม่อนุญาตให้เข้ามาตั้งกิจการ หรือถูกบังคับให้ย้ายออก ซึ่งจะสร้างความปั่นป่วนหรือวิกฤตขึ้นมาได้
ทั้งหมดเหล่านี้คือไพ่ที่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าจีนสามารถนำมาใช้ได้