
“การที่เราจะทำให้เด็กรุ่นใหม่ มีความหวังและแรงบันดาลใจ เราต้องวางตัวให้ดีและเหมาะสมที่สุด” เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี 28 ม.ค. 2568
เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นบรรยายพิเศษให้กับวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 67 หัวข้อวิชา “ประสบการณ์และการเป็นผู้นำระดับยุทธศาสตร์” เมื่อวานนี้ (28 ม.ค. 2568)
โดยเศรษฐาแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาประชากรลดลงอย่างรวดเร็วของประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นปัญหาที่น่ากังวลว่าคนรุ่นหลังจะเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร
และเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยการสนับสนุนให้ประชาชนมีบุตรมากขึ้น ผ่านการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเลี้ยงดูบุตร เช่น การศึกษาที่เข้าถึงได้ การมีงานทำ และสวัสดิการที่ดี อีกทั้งยังเสนอให้ปรับโครงสร้างภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้ทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศ โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและการทำงานเพื่อให้ประเทศสามารถดำรงอยู่ได้ในระยะยาว
เศรษฐากล่าวว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูงมากในการดึงดูดการลงทุน มีระบบสาธารณสุขที่ดีและทันสมัย โรงเรียนนานาชาติได้รับการยอมรับ มีอาหารการกินที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักลงทุนและผู้ที่มีทักษะสูง มีภาพลักษณ์ความเป็นกลางทางการเมือง ไทยเราเป็นเพื่อนกับทุกคน มีหลายประเทศที่ใฝ่ฝันหาประเทศที่เป็นกลางจริงๆ ซึ่งนี่ไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลใด แต่เป็นจิตวิญญาณของคนไทยเองที่ทำให้เราได้เปรียบในเรื่องนี้
อีกทั้งยังมีโครงการแลนด์บริดจ์ ที่จะช่วยให้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก ทำให้มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสามารถปกป้องเอกราชของประเทศได้ ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับการค้าและการลงทุน
สำหรับ สถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex นั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงคาสิโนเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับประเทศ เช่น
การสร้างอินดอร์สเตเดียมขนาดใหญ่สามารถรองรับการจัดงานระดับโลกได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต กีฬา หรืออีเวนต์ต่างๆ การสร้างศูนย์การค้าและโรงแรมจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่มาใช้บริการ การสร้างสวนสนุกและแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มวัย
ซึ่งควรทำควบคู่ไปกับการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ ควบคู่ไปกับการลงทุนข้ามชาติที่ทาง BOI ไปติดต่อมา และการสร้างสนามบินแห่งใหม่ในภาคเหนือและภาคใต้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวและส่งเสริมการกระจายรายได้ไปสู่ภูมิภาคต่างๆ
เศรษฐาเน้นย้ำว่า ความเท่าเทียมควรเกิดขึ้นในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และจิตใจ ทุกคนควรได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาค ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นใด
โดยยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของตัวเองเมื่อครั้งเป็นนายกฯ ออกปฏิบัติภารกิจต่างจังหวัดวันแรก ตนเองเดินสำรวจว่าผู้สื่อข่าวและทีมงานจากทำเนียบรัฐบาลได้รับประทานอาหารเหมือนตนหรือไม่ เมื่อพบว่าผู้อื่นไม่ได้รับประทานอาหารเหมือนตน ก็ได้สั่งการลงไปว่าคราวหลังไม่ให้ทำแบบนี้อีก
เศรษฐาขอให้ผู้บังคับบัญชา คำนึงถึงจิตใจของผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งมีบางคนชอบความแปลกแยก ยิ่งเด่น ยิ่งชอบ ยิ่งจะทำตัวเหนือคนอื่น ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นพฤติกรรมที่คนรุ่นใหม่ ข้าราชการชั้นผู้น้อย หรือคนที่กําลังไต่เต้า ไม่พึงพอใจอย่างมาก
“อีกประเด็นคืออย่ามาใช้ทรัพย์สมบัติของประเทศชาติในทางที่ผิด และเป็นการลดแรงบันดาลใจของคนรุ่นใหม่ ผมคิดว่าการที่เราจะทำให้เด็กรุ่นใหม่มีความหวังและแรงบันดาลใจต้องวางตัวให้ดีและเหมาะสมที่สุด
วันนี้ทุกท่านได้อยู่ในสถาบันอันทรงเกียรติ เราต้องถามว่า หน้าที่ของเราคืออะไร แทนที่จะนั่งกันกินข้าวกันเรื่องไวน์ เรื่องลูก เรื่องธุรกิจ เด็กไทยประมาณสองล้านคนหลุดออกนอกระบบการศึกษา ไม่ได้เข้าสู่ระบบการศึกษา เราลองคิดช่วยกันหน่อย แสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า พวกคุณเป็นผู้ที่เหมาะสม ควรที่จะถูกเลือกเข้ามาในเรียนในสถาบันทรงเกียรตินี้
และขอให้เราทุกคนลดความอคติที่จะเกลียดชังเป็นตัวบุคคลลงไป ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือใครก็ตาม ลดความเกลียดชังในแง่ส่วนตัวลง แล้วให้ความเป็นธรรมกันมากขึ้น ถ้าไม่คิดอย่างนี้แล้วประเทศไม่มีความหวัง ผมอยากให้สังคมเดินไปข้างหน้าได้” เศรษฐากล่าว