วิวาทะ ปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย VS ปลอดประสพ สุรัสวดี ประธาน กมธ. แก้ไขกฎหมายประมง VS สมชาติ เตชถาวรเจริญ สส. ภูเก็ต พรรคประชาชน 25 ธ.ค. 2567
สืบเนื่องจากในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ปีที่ 2 ครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เมื่อวันที่25 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา มีการใ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. … หรือ ร่างกฎหมายประมงฉบับใหม่
โดยที่ประชุมฯ ลงมติเห็นชอบมาตรา 23 ในร่างกฎหมายประมงฉบับใหม่ซึ่งเป็นการแก้ไขมาตรา 69 ในพ.ร.ก. ประมง 2558 ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 239 ไม่เห็นด้วย 28 งดออกเสียง 114 ไม่ลงคะแนนเสียง 2 จากจำนวนผู้ลงมติ 383 คน
ซึ่งในการประชุมครั้งนี้นั้น ปลอดประสพ สุรัสวดี ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขกฎหมาย ได้กล่าวถึงความจำเป็นในการแก้ไขกฎหมายนี้ว่า
“กฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันถูกร่างโดยการกดดันจากต่างประเทศ และรัฐบาลในสมัยคสช. ก็ต้องทำตามแรงกดดันนั้นจนต้องใช้มาตรา 44. แต่สิ่งที่เราพบคือกฎหมายเดิมรุนแรงเกินกว่าเหตุ กระทบกับทั้งเศรษฐกิจ และสร้างความทุกข์ยากให้กับชาวประมง
พอเราเห็นว่าเรื่องนี้ต้องรีบแก้ไขก็เห็นว่ากฎหมายประมงฉบับใหม่ต้องเป็นกฎหมายของประเทศไทย บริบทต้องสะท้อนประมงแบบไทย ๆ บทลงโทษต้องเหมาะสมกับความเสียหาย ไม่มองชาวประมงเป็นอาชญากร เปิดโอกาสให้ชาวประมงขนาดเล็กได้เจริญเติบใหญ่ขึ้นไป และปกป้องคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลให้มีอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน”
อย่างไรก็ดี กฎหมายฉบับนี้นั้น ถือว่ามีประเด็นที่ได้รับเสียงคัดค้านจากชาวประมงพื้นบ้านอย่างรุนแรง โดยมีตัวแทนเครือข่ายประมงพื้นบ้านจากทั่วประเทศราว 50 คน เดินทางคัดค้านที่บริเวณประตูทางเข้าอาคารรัฐสภา
เพื่อคัดค้านการยกเลิกข้อห้ามการใช้อวนล้อมจับที่มีช่องตาอวนเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตรในเวลากลางคืน โดยกังวลว่าจะเป็นเหตุให้เกิดการสัตว์น้ำขนาดเล็กและสัตว์น้ำเศรษฐกิจวัยอ่อน ตัดตอนการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำวัยอ่อนก่อนวัยอันควร และทำลายห่วงโซ่อาหารในระบบนิเวศอย่างร้ายแรง
“หากมีการประกาศใช้จะกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อพี่น้องประมงพื้นบ้าน อาจล้มหายตายจาก ล้มเลิกประกอบอาชีพ ความมั่นคงของอาหารก็อาจจะหายไป 3-5 ปีต่อจากนี้การทำอาชีพประมงอาจจะหายไป สัตว์น้ำอาจจะถึงขั้นสูญพันธุ์
ส่งผลต่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงอยากจะขอฝากไว้ว่าหากสมาชิกกดโหวตเห็นด้วยอาจจะไม่เหลือความมั่นคงอาหารให้กับลูกหลานของเรา” สมชาติ เตชถาวรเจริญ กรรมาธิการฯ และ สส. พรรคประชาชน กล่าว
“ที่บอกว่าหากแก้กฎหมายนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์กับประมงพื้นบ้าน ผมบอกเลยว่าไม่จริง ผมไม่เห็นข้อดีของการนำอวนชนิดนี้มาจับปลาเลย เอาไปใช้กันยุงดีกว่า อย่างไปจับสัตว์น้ำเลย” ปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย และกรรมาธิการเสียงข้างน้อยกล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมสภาฯ ปิยะได้โพสต์เฟบุ๊กเพิ่มเติมด้วยว่า “การใช้แสงไฟล่อสัตว์น้ำ แล้วใช้อวนตาถี่เท่ามุ้งล้อม ถ้าทะเลไม่วิบัติ ก็ต้องเหลือแต่น้ำ” และกล่าวด้วยว่าการลงมติในครั้งนี้นั้น ถือได้ว่าเป็นข่าวที่น่าตกใจที่สุดในรอบปีนี้
และระบุว่าการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้นั้น จำเป็นที่จะต้องอาศัยหลักเกณฑ์ทางวิชาการเพื่อการปกป้องผลประโยชน์ของคนส่วนมาก ไม่ใช่การใช้เล่เหลี่ยมในสภาฯ
“ผมขอยืนยัน ด้วยประสบการณ์ ที่อยู่กับทะเล มาทั้งชีวิต การปั่นไฟแล้วล้อม ด้วยอวนถี่เท่ามุ้ง ทะเลจะเหลือแต่น้ำเปล่าๆ” ปิยะระบุ