เวียดนามต้องการ 4.76 แสนล้าน เพื่อพัฒนาสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยธนาคารโลกระบุเป็นปัจจัยสำคัญกว่านโยบายส่งเสริมด้วยซ้ำ
แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า เวียดนามต้องการเงินทุนเกือบ 14,000 ล้านดอลลาร์ (4.76 แสนล้านบาท) เพื่อพัฒนาเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero และยังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการลดต้นทุนการนำเข้าน้ำมัน และการสร้างงานหลายล้านตำแหน่ง
รายงานของธนาคารโลก ระบุว่าระบบสถานีชาร์จมีบทบาทสำคัญเพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นกระแสหลัก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ซื้อรถยนต์คันแรก
คาดว่าเวียดนามต้องการเงินทุน 2,200 ล้านดอลลาร์ (7.49 หมื่นล้านบาท) ในปี 2030 เพื่อสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จสาธารณะ โดยตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 13,900 ล้านดอลลาร์ (4.73 แสนล้านบาท) ในปี 2040 และ 32,600 ล้านดอลลาร์ (1.1 ล้านล้านบาท) ในปี 2050 เพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า และเทรนด์การคมนาคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะส่งผลให้ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคตอันใกล้ คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2024-2035 จะอยู่ที่กว่า 2.8 ล้านคัน และจะเพิ่มเป็น 3 ล้านคันในช่วงปี 2036-2050 หากเร่งพัฒนาเครือข่ายสถานีชาร์จ
ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของเวียดนาม อย่าง VinFast ไม่เพียงแต่ลงทุนเอง แต่ยังนำรูปแบบแฟรนไชส์มาใช้ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจและนายทุนสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาเครือข่ายสถานีชาร์จได้ โดยโมเดลดังกล่าวไม่เพียงแต่ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความยั่งยืนของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในเวียดนามอีกด้วย
โมเดลความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนยังเป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดเงินลงทุนสร้างสถานีชาร์จ โดยผู้ผลิตไฟฟ้า ผู้จัดจำหน่ายเชื้อเพลิง และผู้ให้บริการชาร์จเฉพาะทาง สามารถมีส่วนสนับสนุนโครงการนี้ได้เช่นกัน
คนวงในกล่าวว่าเพื่อส่งเสริมโครงการดังกล่าว รัฐบาลเวียดนามจำเป็นต้องมีนโยบายที่ดีและมีความชัดเจน เพื่ออำนวยความสะดวกในการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ซึ่งสามารถทำได้ผ่านแรงจูงใจทางการเงินและไม่ใช่ทางการเงิน รวมถึงการกำหนดแผนงานที่ชัดเจนสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้า โดยมีมาตรฐานทางเทคนิคที่เข้มงวดสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จ
การศึกษาในระดับนานาชาติชี้ว่า มาตรการอุดหนุนสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จมีประสิทธิภาพมากกว่ามาตรการอุดหนุนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าถึง 5–6 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากรัฐบาลเน้นที่การสร้างสถานีชาร์จ เวียดนามสามารถเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้าได้ ในขณะที่ลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล
(1 ดอลลาร์ = 34.05 บาท)