จ่าย 3.76 แสนล้านบาท เลี่ยงโทษประหารฐานฉ้อโกง อัยการเวียดนามยื่นข้อเสนอให้มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์
Bloomberg รายงานว่า อัยการในนครโฮจิมินห์ ในวันอังคาร (26 พ.ย.) ได้ยื่นข้อเสนอให้ Truong My Lan นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ต้องชดใช้เงิน 11,000 ล้านดอลลาร์ (3.76 แสนล้านบาท) เพื่อหลีกเลี่ยงโทษประหารชีวิต
มหาเศรษฐีวัย 68 ปีรายนี้กำลังอุทธรณ์คำพิพากษาประหารชีวิต หลังถูกตัดสินในเดือน เม.ย. ว่ามีความผิดฐานยักยอกเงิน 12,300 ล้านดอลลาร์ (4.21 แสนล้านบาท) จากธนาคาร Saigon Commercial Bank (SCB) ซึ่งถือเป็นคดีฉ้อโกงทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เธอยังถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ และละเมิดระเบียบการให้สินเชื่อของธนาคาร
“ตอนนี้เรากำลังพยายามช่วยให้เธอหลีกเลี่ยงโทษประหารชีวิต” “มีกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศที่ตกลงที่จะให้ Lan กู้ยืมเงิน 400 ล้านดอลลาร์ (1.37 หมื่นล้านบาท) และพวกเขากำลังดำเนินการจัดทำเอกสารที่จำเป็นเพื่อส่งเงินดังกล่าว” Giang Hong Thanh ทนายความของ Lan กล่าว
เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเพียงเงินกู้ส่วนหนึ่งที่ทีมกฎหมายของ Lan ระบุว่ากำลังดำเนินการอยู่เพื่อใช้ในการชำระหนี้บางส่วน ซึ่งทนาย Thanh เชื่อว่า Lan จะสามารถชำระหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงโทษประหารชีวิตได้ ภายใต้กฎหมายศาลของเวียดนาม หาก Lan สามารถคืนทรัพย์สินที่ยักยอกได้สามในสี่ คณะลูกขุนสามารถพิจารณาลดโทษของเธอได้
ในการพิจารณาคดีครั้งที่ 2 ในเดือน ต.ค. Lan ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต หลังถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานลักลอบขนย้ายเงินราว 4,500 ล้านดอลลาร์ (1.54 แสนล้านบาท) ข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ ฟอกเงินจากธนาคาร Saigon Commercial Bank มูลค่า 17,500 ล้านดอลลาร์ (5.99 แสนล้านบาท) และยักยอกเงินจากนักลงทุนราว 1,200 ล้านดอลลาร์ (4.11 หมื่นล้านบาท) ผ่านการออกพันธบัตร
การพิจารณาอุทธรณ์เดิมที่คาดว่าจะสิ้นสุดในวันที่ 25 พ.ย. แต่ความพยายามให้ Lan คืนเงินสดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ทำให้กระบวนการพิจารณาคดียืดเยื้อออกไป โดยทีมกฎหมายของ Lan คาดว่าศาลจะประกาศวันพิจารณาคดีใหม่ในวันอังคารหน้า (2 ธ.ค.)
“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าศาลจะให้โอกาสเธอมีชีวิตอยู่ เพื่อที่เธอจะสามารถจัดการชำระหนี้ทั้งหมดได้” ทนาย Thanh กล่าว
การพิจารณาคดีอันโด่งดังของ Lan เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามปราบปรามการทุจริตในวงกว้าง ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 2016 โดยเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ Nguyen Phu Trong
แคมเปญดังกล่าวซึ่งมีชื่อเล่นว่า “เตาหลอมที่ลุกโชน” ส่งผลให้ประธานาธิบดี 2 คน รองนายกรัฐมนตรี 2 คน และเจ้าหน้าที่รัฐและผู้บริหารอีกหลายพันคน ถูกไล่ออก ปรับเงิน หรือจำคุกในข้อหาทุจริต
(1 ดอลลาร์ = 34.27 บาท)