Newsต้องใช้เงิน 6 หมื่นล้าน ‘วราวุธ’ เผยอยากปรับเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาทเช่นกัน แต่รัฐเก็บภาษีได้ไม่มากพอ

ต้องใช้เงิน 6 หมื่นล้าน ‘วราวุธ’ เผยอยากปรับเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาทเช่นกัน แต่รัฐเก็บภาษีได้ไม่มากพอ

เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2567 นายวราวุธ  ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กล่าวว่า กรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายอยากให้มีการปรับเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาทต่อเดือนเท่ากันทุกช่วงวัยนั้น ตนเห็นว่าการขอไม่ใช่เรื่องยาก 

 

แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุปัจจุบันที่เป็นขั้นบันได 600 บาท 700 บาท 800 บาท ต่อเดือนนั้น เราใช้เงินปีละประมาณ 1 แสนล้านบาท ดังนั้น ถ้าจะปรับให้เป็น 1,000 บาทถ้วนหน้า ต้องใช้เงินมากขึ้นถึง 60,000 ล้านบาท 

 

ทั้งนี้ หากสำนักงบประมาณและรัฐบาลมีเงินพอก็เชื่อว่าอยากจะให้อยู่แล้ว แต่ปี 2565 ประเทศไทยมีคนเสียภาษีจริงๆ 4 ล้านกว่าคน และมีเงินภาษีกับบริษัทห้างร้าน และสรรพสามิต ซึ่งไม่ถึงร้อยละ 10 ของประชากรคนไทย หรือมีคนเสียภาษีไม่ถึง 5 ล้านคน ทำให้เงินขาเข้ามีน้อย แต่ทุกคนอยากให้มีถ้วนหน้า 

 

ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องเน้นกลุ่มเปราะบาง และคนที่เดือดร้อนมากที่สุดก่อน แล้วค่อยๆดูแลตามลำดับความสำคัญ ซึ่งส่วนตัวอยากจะให้ดูแลสังคมให้ถ้วนหน้าได้จริงๆ อย่างที่ถูกอภิปราย แต่เห็นใจกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณที่มีรายได้น้อยและจำกัด ซึ่งกระทรวง พม. ไม่อยากให้งบประมาณกลายเป็นงบขาดดุลทุกปีๆ ซึ่งปีนี้ กู้มาอีกหลายแสนล้าน 

 

และถ้าต้องการถ้วนหน้าจริง จะเป็นการเพิ่มภาระให้กับสำนักงบประมาณอีก แต่ถ้างบประมาณเพียงพอ ตนคิดว่าไม่ใช่แค่ 1,000 บาท แต่ 3,000 บาท หรือกี่พันบาท เราก็อยากให้ แต่วันนี้ รายจ่ายและรายรับไม่สมดุลกัน

 

นายวราวุธ กล่าวต่อไปอีกว่า ตนไม่อยากให้มองว่าผู้สูงอายุจะต้องเป็นฝ่ายรับฝ่ายเดียว เพราะสังคมผู้สูงอายุตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไปนั้น หลายคนมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี ซึ่งเกิดจากระบบสาธารณสุขของไทยที่มีการพัฒนา 

 

ดังนั้นจึงมองว่า สังคมไทยควรให้ความสำคัญกับกลุ่มนี้ เพราะสามารถทำงานเป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศไทยได้ ทั้งนี้ หากกลุ่มผู้สูงอายุทำงานได้ ประเทศชาติจะได้เงินภาษีเพิ่มขึ้น และสามารถทำให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมทำหลังวันเกษียณ ซึ่งจะเป็นผลดีที่ทำให้ผู้สูงอายุไม่ต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง

 

นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า การอภิปรายที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับงบประมาณปี 2567 เพื่อการพัฒนาสังคมนั้น ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาทุกมิติ เพราะหลายประเด็นที่นายกรัฐมนตรีได้พูดถึงทั้งเรื่องความรุนแรงของสตรี และความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งถือเป็นกำลังใจให้กับกระทรวง พม.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า