
สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีญี่ปุ่น อยู่ในประเทศต้องจับตาค่าเงิน เหตุญี่ปุ่นเกินดุลการค้าสหรัฐฯ มากกว่า 5.5 แสนล้าน และมีดุลบัญชีเดินสะพัดสูงกว่า 3% ของ GDP
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (20 มิ.ย.) ว่าได้เพิ่มญี่ปุ่นในบัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตา (monitoring list) ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เพิ่ม จีน เวียดนาม ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ และเยอรมนี ในบัญชีดังกล่าว
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นกลับมาแทรกแซงค่าเงินอีกครั้งด้วยการทุ่มเงิน 9.8 ล้านล้านเยน (2.25 ล้านล้านบาท) ระหว่างเดือน เม.ย. – พ.ค. เพื่อพยุงค่าเงินเยน หลังจากที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปี ที่ 160.245 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะเพิ่มคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ลงในบัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องจับตาค่าเงิน เมื่อจะประเมินว่ามีการบิดเบือนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อให้ได้เปรียบทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่
ประเทศต่างๆ จะถูกเพิ่มเข้าไปในลิสต์รายชื่อโดยอัตโนมัติ หากมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ 2 ใน 3 ข้อ ได้แก่ มียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ อย่างน้อย 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (5.5 แสนล้านบาท), มีดุลบัญชีเดินสะพัดกับประเทศทั่วโลกสูงกว่า 3% ของ GDP และมีการซื้อสกุลเงินตราต่างประเทศสุทธิฝ่ายเดียวอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 2% ของ GDP ในช่วง 12 เดือน
ในรายงานรายที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า ญี่ปุ่น เยอรมนี ไต้หวัน และเวียดนาม ล้วนมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์การเกินดุลการค้า และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเกินขนาด โดยญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงถึง 6.24 หมื่นล้านดอลลาร์ (2.29 ล้านล้านบาท) ในปีที่แล้ว และมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดกับประเทศทั่วโลกที่ 3.5% ของ GDP ในปี 2023 เพิ่มขึ้นจาก 1.8% ในปี 2022
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า การแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนครั้งล่าสุดของรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อพยุงค่าเงินเยนนั้นไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้สหรัฐเพิ่มญี่ปุ่นเข้าไปในบัญชีประเทศที่ต้องจับตาค่าเงิน แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า “การแทรกแซงตลาดควรสงวนไว้สำหรับสถานการณ์ที่จำเพาะจริงๆ และมีการปรึกษาหารือล่วงหน้าอย่างเหมาะสม”
แม้ว่าทางการสหรัฐฯ ระบุว่า ญี่ปุ่น “มีความโปร่งใสในการดำเนินการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ” แต่ ชุนนิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของญี่ปุ่น กล่าวเมื่อวันศุกร์ (21 มิ.ย.) ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะยังคงสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน
(1 เยน = 0.23 บาท)
(1 ดอลลาร์ = 36.71 บาท)