
ไบเดน สั่งห้ามขาย ซอฟต์แวร์ Kaspersky ในสหรัฐ ด้วยเหตุผลว่าบริษัทนี้มีความเชื่อมโยงกับรัสเซีย
เมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.) รัฐบาลไบเดนประกาศคำสั่งห้ามการจำหน่ายซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสค่าย Kaspersky ของรัสเซียในสหรัฐฯ โดยอ้างถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
Kaspersky จะไม่สามารถขายซอฟต์แวร์ภายในสหรัฐฯ รวมถึงการอัพเดตซอฟต์แวร์ที่ใช้งานอยู่ อีกต่อไป” แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ ระบุ
ประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากการสอบสวนอย่างยาวนานพบว่า การดำเนินงานต่อเนื่องในสหรัฐฯ ของ Kaspersky ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติ เนื่องจากความสามารถของรัฐบาลรัสเซียในการโน้มน้าวหรือควบคุมการดำเนินงานของ Kaspersky”
จีนา เอ็ม. เรมอนโด รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กล่าวว่า “รัสเซียแสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่าพวกเขามีอิทธิพลและความตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากบริษัทรัสเซีย อย่าง Kaspersky Lab เพื่อรวบรวมและใช้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของสหรัฐฯ เป็นอาวุธ”
ด้าน Kaspersky ระบุในแถลงการณ์ที่ส่งถึง AFP ว่า “กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ตัดสินใจโดยพิจารณาจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบันและข้อกังวลทางทฤษฎี พร้อมให้คำมั่นว่าจะ ดำเนินการตามทางเลือกที่มีอยู่ตามกฎหมายทั้งหมดเพื่อรักษาการดำเนินงานและความสัมพันธ์ในปัจจุบัน”
“Kaspersky ไม่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่คุกคามความมั่นคงของสหรัฐฯ และในความเป็นจริง Kasperskyมีส่วนสำคัญในการรายงานและการปกป้องลูกค้าจากภัยคุกคามต่างๆ ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และพันธมิตร”
นอกเหนือจากการห้ามการจำหน่ายซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสของ Kaspersky แล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังได้เพิ่มบริษัท 3 แห่งที่มีความเชื่อมโยงกับ Kaspersky ในรายชื่อบริษัทที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ
ทั้งนี้ Kaspersky ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการบางอย่างในสหรัฐฯ ต่อไป รวมถึงการอัพเดตแอนตี้ไวรัส จนถึงวันที่ 29 ก.ย. นี้ เพื่อให้เวลาผู้บริโภคและธุรกิจในสหรัฐฯ ในการหาผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสเจ้าอื่นต่อไป