Newsรู้จัก พรบ. การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. 2562

รู้จัก พรบ. การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. 2562

รู้จัก พรบ. การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. 2562

 

สืบเนื่องจากกระแสต่อต้านการทำ MOU44 ระหว่างไทย-กัมพูชา และมีกระแสการหยิบยกเอา พรบ. การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. 2562 ขึ้นมากล่าวอ้างว่า พรบ. ฉบับนี้นั้น เป็นกฎหมายที่จะสามารถหยุดยั้งการทำ MOU 2544 ได้

The Structure จึงสรุปสาระสำคัญ และองค์ประกอบของ พรบ. ฉบับนี้

— จุดมุ่งหมาย —

พรบ. ฉบับนี้มีการระบุถึงเหตุผลในการประกาศใช้ พรบ. ฉบับนี้เอาไว้ท้าย พรบ. โดยมีเนื้อหาโดยสรุปว่า กฎหมายเดิมที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอต่อการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร 

 

อีกทั้งการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในปัจจุบันนั้น มีความซับซ้อนมากขึ้นกว่ามิติด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม แต่ยังรวมไปถึงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านทรัพยากร หรือด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีหน่วยปฏิบัติงานหลักเพื่อรับผิดชอบดำเนินการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลได้อย่างมีเอกภาพ บูรณาการ และประสานการปฏิบัติงานในเขตทางทะเล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หรือโดยสรุปแล้ว พรบ. ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญในการจัดตั้งหน่วยงานบูรณาการ ด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลขึ้นมานั่นเอง

— ตั้งหน่วยงานใดขึ้นมาบ้าง —

พรบ. ฉบับนี้ ได้มีการระบุถึงหน่วยงานที่ถูกจัดตั้งขึ้นตาม พรบ. ฉบับนี้ขึ้น 2 หน่วยงาน ประกอบด้วย

1 คณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (นปท.) ตามความในหมวด 1

2 ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ตามความในหมวด 2

— นปท. คืออะไร —

นปท. เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล และให้คำแนะนำ คำปรึกษา และสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในการบริหารจัดการการรักษา ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

 

โดยมีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้เป็นประธาน มี รมว. และปลัดกระทรวงจาหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง, ผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานหลายหน่วยงาน และผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นสมาชิก นปท. โดยตำแหน่ง รวม 27 ตำแหน่ง

และมีผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญอันเป็นประโยชน์ต่อการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล อีก 3 ท่านที่ได้รับการแต่งตั้งตามวาระ 3 ปี เป็นสมาชิก

หรืออาจจะเปรียบว่า นปท. นั้นมีสถานะใกล้เคียงกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็ได้ โดยมีความมุ่งหมายจำเพาะเจาะจงไปที่การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเป็นหลัก

— ศรชล. คืออะไร —

ศรชล. มีหน้าที่และอำนาจและ รับผิดชอบเกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการ ศรชล., ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นรอง ผอ. และเสนาธิการทหารเรือเป็นเลขาธิการ ศรชล. โดยตำแหน่ง

 

มีอำนาจหน้าที่วางแผน อำนวยการ ประสานงาน สั่งการ และสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐ ที่เกี่ยวข้องในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และมีอำนาจในการรายงาน เสนอแผนงานต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกด้วย

 

ในหมวดที่ 3 ของ พรบ. ฉบับนี้ กำหนดให้ในภาวะปกติ ศรชล. มีหน้าที่ในควบคุม ดูแล และบูรณาการภารกิจเพื่อการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ในกรณีที่ภารกิจนั้นเกินขีดความสามารถที่หน่วยงานรัฐหน่วยงานใด หน่วยงานหนึ่งจะสามารถรับผิดชอบได้

 

และบูรณาการขีดความสามารถของหน่วยงานของรัฐเข้าด้วยกันในการป้องกัน ปราบปราม หรือแก้ไขปัญหา เหตุการณ์ หรือการกระทำผิดกฎหมายที่กระทบหรืออาจส่งผลกระทบต่อ ผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเล

 

และในสถานการณ์ไม่ปกติ ศรชล. มีอำนาจในการกำกับควบคุมหน่วยงานของรัฐเพื่อกำกับดูแล ป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง จัดการ แก้ไข หรือบรรเทาปัญหา ที่กระทบหรืออาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลหรือกิจกรรมทางทะเลภายในพื้นที่และ ระยะเวลาที่กำหนด

 

อีกทั้งยังมีการกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ติดชายทะเล เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัด (ผอ.ศรชล.จังหวัด) อีกด้วย

 

สำหรับหมวด 4 กำหนดกรอบการปฎิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการบังคับใช้กฎหมายที่มีความเกี่ยวข้องกับการรักษาผลประโยชน์ทางทะเล 


และหมวดที่ 5 เป็นการกำหนดบทลงโทษแก่ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ ศรชล. และความผิดฐานอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการรักษาผลประโยชน์ทางทะเล

ซึ่งหากพิจารณาจากโครงสร้าง และอำนาจหน้าที่ของ ศรชล. จะเห็นว่า ศรชล.นั้น มีความคล้ายคลึงกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ศรชล. นั่น คือ กอ.รมน. ในฉบับกองทัพเรือนั่นเอง 

 

แต่ทั้งนี้ ศรชล. นั้น ไม่ได้มีรูปแบบโครงสร้างที่เหมือนกับ กอ.รมน. ทั้งหมด โดยมีการวางโครงสร้างของหน่วยงาน ที่มีรูปแบบของต่างประเทศมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับภารกิจในการดูแลผลประโยชน์ทางทะเล


— สรุป —

จากทั้งหมดที่กล่าวมานั้นจะเห็นได้ว่า ข้อกำหนดใน พรบ. ฉบับนี้นั้น เป็นการออกเพื่อการจัดตั้ง นปท. และ ศรชล. ขึ้นมาเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของชาติ ทั้งในระดับยุทธศาสตร์และนโยบาย โดย นปท. เป็นผู้ดำเนินการ

และ ศรชล. ในฐานะหน่วยงานระดับอำนวยการ เพื่อให้เกิดการรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของชาติได้อย่างครอบคลุม

แต่ทั้งนี้ ใน พรบ. ฉบับนี้ ไม่ได้กำหนดบทบาทหน้าที่ในการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลของทั้ง 2 หน่วยงานนี้โดยเฉพาะเจาะจง และทั้ง 2 หน่วยงานนี้อาจจะดำเนินการในเรื่องนี้ได้ ก็ต่อเมื่อได้รับมอบหมายมาจาก ครม. ตามลำดับการบังคับบัญชา



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า