
รายงาน UN ระบุชัด ไม่มีหลักฐานว่าไทยเกี่ยวข้อง ‘มาริษ’ ชี้รายงานที่ ‘โรม’ อ้างระบุชัดเจนว่า ไม่มีหลักฐานยืนยัน ว่าธนาคารไทยเกี่ยวข้องกับการซื้ออาวุธให้เมียนมา
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ถึงกรณีที่สภาสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติได้ตีพิมพ์รายงานที่ระบุว่ารัฐบาลเมียนมาซื้ออาวุธผ่านระบบธนาคารของประเทศไทย พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงจุดยืนที่ชัดเจน
และออกคำสั่งที่ชัดเจนไปยังหน่วยงานต่างๆ ให้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและทบทวนกฎเกณฑ์ที่มี เพื่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ด้านนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว. ต่างประเทศ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ตอบกระทู้แทนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลไทยมีนโยบายชัดเจนและขอยืนยันว่าเราไม่มีนโยบายที่จะสนับสนุนการละเมิดสิทธิมนุษยชน
รวมถึงการส่งเสริมไม่ให้มีการใช้ธุรกรรมของธนาคารไปในการกระทำการที่เป็นการขัดต่อกฎบัตรขององค์การระหว่างประเทศหรือสหประชาชาติ อย่างไรก็ตามเราเคารพในการที่เรามีความสัมพันธ์กับประเทศทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกัน
อย่างไรก็ดี ในรายงานฉบับที่นายรังสิมันต์ อ้างถึงนั้นมีการระบุอย่างชัดเจนในรายงานดังกล่าวว่า ไม่พบหลักฐานที่ระบุว่าธนาคารไทยที่ถูกอ้างถึงในรายงานรับรู้ว่าธุรกรรมดังกล่าวเป็นการจัดซื้อยุทธภัณฑ์ หรือมีกองทัพเมียนมาเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์สุดท้าย
และไม่พบหลักฐานว่ารัฐบาลไทยมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับรู้เกี่ยวกับธุรกรรมดังกล่าว แม้ในรายงานที่เป็นเอกสารประกอบการประชุม และไม่มีหลักฐานระบุว่าสถาบันการเงินของไทยรับรู้เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว อีกทั้งตัวผู้เขียนรายงานเองก็ให้การยอมรับด้วยวาจาว่าการตรวจสอบดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย
และพร้อมที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับฝ่ายไทยเกี่ยวกับแนวทางในการตรวจสอบหากมี อีกทั้งยังยินดีที่จะรับฟังข้อมูลเพิ่มเติมจากทางการไทย เพื่อการดำเนินการตรวจสอบ
อย่างไรก็ดี ทางการไทยไม่ได้นิ่งเฉย มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง และได้มีการออกคำแถลงชี้แจงไปแล้วหลายครั้ง โดยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ว่ามีมาตรฐานทางการเงิน
และไม่สนับสนุนการจัดซื้ออาวุธ ให้แก่องค์กรทหารของเมียนมา รวมถึงให้ความสำคัญต่อการป้องกัน ห้ามนำธุรกรรมทางการเงินของภาคธนาคารไปใช้ในการจัดซื้ออาวุธ ที่จะไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน อีกทั้งกระทรวงต่างประเทศได้ออกคำชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวให้ทุกฝ่ายได้รับทราบไปแล้ว
“เมื่อในรายงานไม่มีการพบหลักฐานชัดเจนที่บ่งชี้ว่าธุรกรรมทางการเงินที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการซื้อขายอาวุธโดยตรงหรือมีกองทัพเมียนมาเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ และไม่มีหลักฐานระบุได้ว่ารัฐบาลไทยมีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับธุรกรรมดังกล่าว แต่เป็นเพียงการอนุมานสร้างสมมุติฐานของผู้เสนอรายงานเท่านั้น
ดังนั้นหน้าที่ของผมในฐานะ รมว.การต่างประเทศ ก็ต้องชั่งน้ำหนักและดำเนินการใดๆเพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างการต่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนชาวไทย และธนาคารไทย รวมทั้งรักษาสิทธิและเกียรติภูมิของประเทศ เมื่อไม่มีหลักฐานชี้ชัดผมก็ต้องปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องชาวไทยอย่างเต็มที่ และจะพยายามทำทุกอย่างให้โปร่งใสที่สุด” นายมาริษกล่าว