
“หากตัวประกันทั้งหมดไม่ถูกปล่อยตัวภายในเที่ยงวันเสาร์… ข้อตกลงหยุดยิงทั้งหมดเป็นอันยกเลิก และ เตรียมเจอนรกแตกได้เลย” โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันที่ 10 ก.พ. 2025
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศกร้าวเมื่อวันจันทร์ (10 ก.พ.) ว่ากลุ่มฮามาสจะต้องปล่อยตัวประกันทั้งหมดที่ถูกกลุ่มก่อการร้ายจับตัวไว้ในฉนวนกาซาภายในเที่ยงวันของวันเสาร์ (15 ก.พ.) มิฉะนั้นเขาจะเสนอให้ยกเลิกดีลหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส และเตรียมเจอ “นรกแตกได้เลย”
“หากตัวประกันทั้งหมดไม่ถูกปล่อยตัวภายในเที่ยงวันเสาร์ ซึ่งผมคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้ว ข้อตกลงหยุดยิงทั้งหมดเป็นอันยกเลิก และเตรียมเจอนรกแตกได้เลย” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว หลังกลุ่มฮามาสประกาศเลื่อนการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลชุดใหม่ออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ทรัมป์ ยังกล่าวด้วยว่า อาจจะระงับความช่วยเหลือแก่จอร์แดนและอียิปต์หากพวกเขาไม่รับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ทั้งนี้ ทรัมป์มีกำหนดหารือกับกษัตริย์อับดุลลาห์แห่งจอร์แดนในวันอังคาร (11 ก.พ.)
ความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้นในวันที่มีความสับสนเกี่ยวกับแผนการของทรัมป์เกี่ยวกับการเข้ายึดครองฉนวนกาซาของสหรัฐฯ เมื่อการสู้รบยุติลง
ข้อความที่ตัดทอนมาจากการสัมภาษณ์กับ Fox News ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (10 ก.พ.) ทรัมป์กล่าวว่าเขาคิดว่าเขาสามารถทำข้อตกลงกับจอร์แดนและอียิปต์ให้รับชาวปาเลสไตน์ผู้พลัดถิ่น เนื่องจากสหรัฐฯ ให้เงินแก่ทั้งสองประเทศเป็นจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ในแต่ละปี
เมื่อถูกถามว่าชาวปาเลสไตน์จะมีสิทธิ์กลับเข้าไปในฉนวนกาซาหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า “ไม่ พวกเขาจะไม่ได้กลับเข้าไป เพราะพวกเขาจะมีที่อยู่อาศัยที่ดีกว่านั้นมาก” “ผมกำลังพูดถึงการสร้างที่อยู่อาศัยถาวรให้พวกเขา… กาซาจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะกลับมาอยู่อาศัยได้อีกครั้ง”
“สหรัฐฯ อาจสร้างชุมชนสัก 2-6 แห่ง สำหรับชาวปาเลสไตน์ “ในที่ที่อยู่ไกลจากที่พวกเขาเคยอยู่เล็กน้อย ห่างไกลจากอันตรายทั้งหมด” “ผมยินดีจะเป็นเจ้าของที่นี่ คิดซะว่ามันเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับอนาคต มันจะเป็นผืนดินที่สวยงาม ไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก” ทรัมป์ กล่าว
ทรัมป์ ประกาศแผนการช็อคโลกเมื่อวันที่ 4 ก.พ. หลังการหารือกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลที่กรุงวอชิงตัน โดยเสนอให้โยกย้ายถิ่นฐานชาวปาเลสไตน์ 2.2 ล้านคนในกาซา และสหรัฐฯ เข้ายึดครองแนวนริมทะเลแห่งนี้ และพัฒนาให้หลายเป็น “ริเวียร่าแห่งตะวันออกกลาง”