เกาหลีเครียด เจอภาษีรถยนต์ทรัมป์ หลังสหรัฐเตรียมประกาศมาตรการภาษี 2 เม.ย.นี้

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) ว่าเขาวางแผนที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ของเกาหลี 

ถึงแม้ว่าทรัมป์ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับประเทศที่อาจจะตกเป็นเป้าหมายของการเก็บภาษีดังกล่าว แต่ก็เกิดความกังวลว่าเกาหลีใต้อาจตกเป็นเป้าหมายเนื่องจากเกาหลีใต้มีดุลการคาเกินดุลกับสหรัฐฯ สูงถึง 55,700 ล้านดอลลาร์ (1.87 ล้านล้านบาท) ในปีที่แล้ว

สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของเกาหลี โดยมีมูลค่าการส่งออก 34,700 ล้านดอลลาร์ (1.17 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็น 49.1% ของการส่งออกรถยนต์ทั้งหมด ทั้งนี้ สหรัฐฯ ไม่ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ของเกาหลีตั้งแต่ปี 2016 ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคี

การประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลทรัมป์เตรียมไล่เก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับทุกประเทศที่เก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทรัมป์ ได้ประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีเหล็กและอลูมิเนียมทั้งหมดที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. และกำลังพิจารณากำหนดภาษีนำเข้าเพิ่มเติมสำหรับชิปและยา

และเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา มาตรการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติม 10% สำหรับสินค้าจีน เริ่มมีผลบังคับใช้ ขณะที่ทรัมป์ประกาศชะลอแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันเดียวกันออกไปอีก 30 วัน เพื่อแลกกับการที่ประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 2 ยอมบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับชายแดนและอาชญากรรมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของทรัมป์ในการปราบปรามผู้อพยพ, การลักลอบขนเฟนทานิล และการฟอกเงิน

ทางการเกาหลีใต้กำลังติดตามการประกาศขึ้นภาษีของทรัมป์อย่างใกล้ชิด ท่ามกลางความกังวลว่าการประสานงานด้านนโยบายกับสหรัฐฯ อาจล่าช้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อ หลังจากความพยายามกฎอัยการศึกของประธานาธิบดี ยุน ซอกยอล เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 

โช แท-ยุล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ เผยว่าเขาจะหารือเกี่ยวกับประเด็นภาษีศุลกากรกับ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ในการประชุมความมั่นคงมิวนิก (MSC) ณ เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ในวันเสาร์นี้ (15 ก.พ.)

(1 ดอลลาร์ = 33.70 บาท)