Newsยุคสงคราม เบ็ดเสร็จได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ ชี้ ‘ทรัมป์’ จะดำเนินนโยบายสุดโต่งอย่างเข้มข้น ใน 100 วันแรกนับจากการขึ้นสู่ตำแหน่ง

ยุคสงคราม เบ็ดเสร็จได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ ชี้ ‘ทรัมป์’ จะดำเนินนโยบายสุดโต่งอย่างเข้มข้น ใน 100 วันแรกนับจากการขึ้นสู่ตำแหน่ง

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง กล่าวว่าการขึ้นสู่อำนาจของโดนัลด์ ทรัมป์ ผ่านพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันนี้นั้น คือจุดเริ่มต้นของยุคสงครามเบ็ดเสร็จ (Total War)

 

ผ่านการดำเนินนโยบาย 100 วันแรกของรัฐบาลทรัมป์ในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของสหรัฐอย่างสุดโต่ง ตามที่ทรัมป์ได้เคยหาเสียงเอาไว้ โดยมีเป้าหมายสุดท้ายอยู่ที่การรับมือกับจีน ซึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก

 

ซึ่งจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่ ผ่านการดำเนินนโยบายของทรัมป์ในช่วงนี้ ผ่านการปรับนโยบายการเข้าเมือง การปรับอัตราภาษี การค้าและศุลกากร รวมถึงจุดยืนทางการเมืองและความมั่นคง การสนับสนุนสงคราม และการผลักดันสันติภาพ 

 

อย่างไรก็ดี หลังผ่าน 100 วันแรกไปแล้ว อาจมีการปรับเปลี่ยนนโยบาย เช่นการตั้งอัตราภาษีที่สูงมากในช่วงแรก อาจจะปรับตัวลดลงเหลือเพียง 90% ในภายหลัง ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น

 

เนื่องจากสหรัฐกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาการลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ ลดความสูญเสียในความสามารถการแข่งขัน และการจัดการกับความแปรปรวนในตลาดแรงงาน เงินเฟ้อ และพลังงาน 

 

อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับกลุ่มทุนใหญ่ที่มีความใกล้ชิดกัน เช่น อุตสาหกรรมไฮเทค คริปโต เคอร์เรนซี และพลังงานฟอสซิล ซึ่งถึงแม้ว่าจะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ก็อาจจะสร้างปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และการผูกขาดตลาดในระยะยาว

 

แต่ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าทรัมป์จะกำหนดเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ เพื่อการสกัดกั้นจีน แต่จีนนั้นก็แสดงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ผ่านตัวเลขการส่งออกที่เติบโตถึง 11% ซึ่งนี่ทำให้จีนมีความมั่นใจในการเจรจาต่อรองกับทรัมป์ อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ต่างพึ่งพากันบนฐานเศรษฐกิจเดียวกัน 

 

การตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดจึงเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ ท้ายที่สุดทั้งสองประเทศอาจต้องหาจุดสมดุลร่วมกันเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของโลก

 

ในขณะที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนนั้น จะไม่จบลงโดยเร็ว เพราะถึงแม้ว่าทีมงานของยูเครนจะเข้ามาเจรจากับทีมงานของทรัมป์แล้วก็ตาม แต่ในเวลานี้ยังไม่มีการหารือกันระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย แต่ทั้งนี้ก็อาจจะมีการกำหนดกรอบการเจรจาใหม่ ซึ่งจะทำให้บรรยากาศดีขึ้น

 

สำหรับประเทศไทยนั้น ถือว่าเป็นประเทศที่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ จึงมีโอกาสมากที่ไทยจะมีบทบาทในฐานะตัวกลางในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งในระดับภูมิภาค และสร้างความร่วมมือระหว่างมหาอำนาจในประเด็นที่เป็นกลาง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า