ระบบแพทย์ทางไกล รัฐบาลไหนเป็นคนดำเนินการ เปิด Timeline หลังสังคมวิจารณ์หนักกรณีพรรคประชาชน หาเสียงเสมือนตนเป็นผู้ผลักนโยบายดังกล่าว
จากรณี นายไกลก้อง ไวทยการ สมาชิกคณะก้าวหน้า และอดีต สส. พรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ X ระบุว่า เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้เดินทางมาเยี่ยมโครงการ ‘แพทย์ทางไกล‘ ที่เทศบาลตำบลหนองแคน จ.มุกดาหาร ที่ทำงานกับคณะก้าวหน้า
โดยระบุข้อความว่า “เรื่องปรับปรุง รพ.สต.ที่ได้รับโอน และแพทย์ทางไกล เป็นนโยบายของ อบจ. พรรคประชาชน ในหลายจังหวัด”
ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก ว่าเป็นการหาเสียงโดยสร้างความเข้าใจผิดว่า พรรคประชาชนเป็นคนคิดค้นและผลักดันนโยบายแพทย์ทางไกลให้เกิดขึ้นทั่วประเทศ ทั้งที่ข้อเท็จจริงเป็นการดำเนินงานที่เกิดขึ้นมาตลอดช่วงรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
โดยสำนักข่าว The Structure ได้ทำการสืบค้นเอกสารราชการเกี่ยวกับดำเนินงานเกี่ยวกับโครงการแพทย์ทางไกลนั้น จนพบรายละเอียดดังนี้
- มีการออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับวันที่ 21 ก.ค. 2563 เรื่อง “แนวทางปฏิบัติการแพทย์ทางไกลหรือโทรเวช (telemedicine) และคลินิกออนไลน์” ตามประกาศแพทยสภาที่ 54/2563 เพื่อเป็นการกำหนดแนวทางปฎิบัติของแพทยสภา
- มีการออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับวันที่ 1 ก.พ. 2564 เรื่อง “มาตรฐานการให้บริการของสถานพยาบาลโดยใช้ระบบบริการการแพทย์ทางไกล พ.ศ. 2564” ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกำหนดมาตรฐานของสถานพยาบาลภาคเอกชนที่จะให้การบริการโดยใช้ระบบบริการการแพทย์ทางไกล เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้รับบริการในสถานพยาบาล
- คณะรัฐมนตรีจะมีมติเห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดำเนินโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของไทย เพื่อพัฒนาระบบบริการและบริหารสุขภาพแบบดิจิทัลเพื่ออนาคต เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2566
- กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เพื่อการขับเคลื่อนสังคมและระบบสุขภาพที่เป็นธรรม เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2566 ซึ่งเป็นการดำเนินการสืบเนื่องต่อมาถึงในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน
ทำให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่า การผลักดัน “ระบบแพทย์ทางไกล” ตั้งแต่ต้นจนสำเร็จและถูกนำไปใช้อย่างแผ่หลายทั่วประเทศนั้น เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และสืบเนื่องต่อมายังรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่ได้นำไปสขยายผลต่อเนื่อง
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ประชาชนจำนวนมากจะไม่พอจากการที่พรรคประชาชนและคณะก้าวหน้า ใช้รูปแบบการหาเสียงและกระจายข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย เสมือนว่าตนเป็นผู้ผลักดันโครงการดังกล่าว