Newsใช้กลไกอาเซียนรับมือกำแพงภาษีทรัมป์ ‘พริษฐ์’ เสนอให้ไทยแสดงบทบาทความเป็นผู้นำอาเซียน เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองในการเจรจากับสหรัฐ

ใช้กลไกอาเซียนรับมือกำแพงภาษีทรัมป์ ‘พริษฐ์’ เสนอให้ไทยแสดงบทบาทความเป็นผู้นำอาเซียน เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองในการเจรจากับสหรัฐ

ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน โพสต์ข้อความกล่าวถึงแนวทางในการรับมือนโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐว่า

 

“[ รวมพลังอาเซียนรับมือภาษีทรัมป์ : 5 ข้อเสนอต่อรัฐบาลไทย ในการใช้กลไกอาเซียน เพื่อช่วยเหลือคนไทยฝ่าฟันวิกฤตเฉพาะหน้าและความเสี่ยงจากการจัดระเบียบโลกใหม่ในระยะยาว ]

.

**UPDATE: ล่าสุด ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศระงับมาตรการภาษีต่างตอบแทน 90 วัน (โดยคงไว้ที่ภาษีพื้นฐาน 10%) สำหรับ 75 ประเทศ ซึ่งคาดว่าจะรวมถึงประเทศไทย – แต่ผมคิดว่าข้อเสนอที่อภิปรายไปเมื่อวานยังมีความเกี่ยวข้องอยู่**

 

เมื่อวานนี้ ผมได้ร่วมอภิปรายเสนอแนะรัฐบาลเกี่ยวกับการรับมือผลกระทบจากนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเป็นนโยบายที่ไม่เพียงแต่จะสร้างปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้าให้กับประชาชนทุกคนในทุกประเทศ แต่ยังจะสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อระเบียบโลก ที่เสี่ยงจะถูกเปลี่ยนจากการค้าที่เสรีและยึดถือกฎกติกาที่ยอมรับร่วมกัน มาเป็นการค้าที่อิงกับความไม่แน่ไม่นอนและการตอบโต้กันไปมา

 

ในคำแถลงนโยบายของรัฐบาล นายกฯแพทองธาร พูดถึงเป้าหมายในการ “เพิ่มบทบาทประเทศไทยในเวทีโลก”

.

วันนี้จึงเป็นบทพิสูจน์ว่า “บทบาทประเทศไทยในเวทีโลก” ที่ท่านนายกฯ พูดถึงไม่ได้หมายถึงแค่การจับมือผู้นำ การเดินพรมแดง หรือการถ่ายภาพสวยๆ แต่ต้องหมายรวมถึงความสามารถในการใช้เวทีนานาชาติและการแสวงหาความร่วมมือกับต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนคนไทย

 

ในเมื่อคำขวัญอาเซียนคือ “หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งอัตลักษณ์ หนึ่งประชาคม” ข้อเสนอของผม คือการให้รัฐบาลไทยลุกขึ้นมามีบทบาทนำในการทำให้ประเทศในอาเซียนเป็น “หนึ่งประชาคม” ที่เดินหน้าร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ ในอย่างน้อย 5 เรื่อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทย

 

  1. เชิญชวนประเทศอื่นในอาเซียนมาออกแถลงการณ์ร่วมกัน เพื่อยืนยันหลักการว่าระเบียบโลกที่ส่งเสริมการค้าเสรีเป็นประโยชน์กับทุกประเทศ และยืนยันว่าการที่สหรัฐขาดดุลทางการค้ากับประเทศอื่นไม่ได้หมายความว่าประเทศอื่นเอาเปรียบสหรัฐ

 

– เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การยืนยันทฤษฎีหล่อๆ แต่ในเชิงข้อเท็จจริง ประเทศในอาเซียนเป็นกลุ่มประเทศที่พึ่งพาการส่งออกและการค้าระหว่างประเทศมากเป็นอันดับต้นๆ

– ทั้งนายกฯสิงคโปร์และมาเลเซียได้ออกมายืนยันหลักการดังกล่าวและวิจารณ์การกระทำของสหรัฐในแถลงการณ์ทางการของแต่ละประเทศ แต่กลับเป็นนายกฯของประเทศไทยเสียเอง

ที่เลือกไม่ยืนยันหลักการดังกล่าวในแถลงการณ์เมื่อ 3 เม.ย. โดยไปยอมรับว่า “​รัฐบาลไทยตระหนักและเข้าใจถึงความจำเป็นของสหรัฐฯ ที่จะต้องปรับสมดุลทางการค้ากับประเทศคู่ค้าจำนวนมาก ผ่านนโยบายอัตราภาษีต่างตอบแทน”

– ดังนั้น รัฐบาลไทยควรแก้มือและดึงทุกประเทศในอาเซียน ร่วมกันยืนยันหลักการเรื่องการค้าเสรี

 

  1. รวมตัวกับประเทศอื่นในอาเซียน เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองและรวมทรัพยากรในการเจรจากับสหรัฐ

 

– ในขั้นพื้นฐาน การเจรจาร่วมกันในฐานะอาเซียนจะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรอง และทำให้เสียงเราดังขึ้น (ประเทศไทยไทยมีขนาดเศรษฐกิจอันดับที่ 25-30 ของโลก แต่ทุกประเทศในอาเซียนรวมกันจะมีขนาดเศรษฐกิจเทียบเท่ากับอันดับที่ 5 ของโลก)

– ยิ่งไปกว่านั้น การเจรจาร่วมกันในฐานะอาเซียนจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการนำทรัพยากรของแต่ละประเทศมารวมกัน (เช่น การเพิ่มขนาดของตลาดที่เราสามารถร่วมกันเปิดให้กับสินค้าสหรัฐ การรวมเครือข่ายที่แต่ละประเทศนีในการติดต่อเจรจากับรัฐบาลทรัมป์)

 

  1. แสวงหาข้อตกลงระหว่างประเทศในอาเซียน ว่าจะไม่ดำเนินยุทธศาสตร์การเจรจากับสหรัฐที่ขัดแย้งหรือตัดกำลังกันเอง

 

– หากไม่มีการพูดคุยกันและปล่อยให้ต่างคนต่างทำเต็มที่ แต่ละประเทศอาจดำเนินการยุทธศาสตร์ที่แตกต่างกัน (บางประเทศอาจเน้นตอบโต้ / บางประเทศอาจเน้นลดแลกแจกแถม)

– การที่แต่ละประเทศแยกกันเดินเข้าหาสหรัฐและแข่งกันเอาใจสหรัฐเพื่อเอาตัวรอด จะเข้าทางสหรัฐ

– ดังนั้น หากประเทศในอาเซียนมีกรอบข้อตกลงร่วมกัน ว่าจะไม่มีใครแตกแถวไปเอาใจสหรัฐด้วยตนเองมากเกินควร กลุ่มประเทศเราอาจจะได้ข้อตกลงกับสหรัฐที่โดยรวมแล้วเป็นประโยชน์สำหรับทุกประเทศมากกว่า

 

  1. แสวงหาข้อตกลงระหว่างประเทศในอาเซียน เพื่อลดอุปสรรคต่อการค้าระหว่างกันและกัน

 

– ในระยะเฉพาะหน้า ทุกประเทศจะต้องเร่งเยียวยาและหาตลาดใหม่ให้กับผู้ประกอบการ

– หากยังเจรจาเพื่อลดกำแพงที่สหรัฐตั้งไว้ไม่ได้ สิ่งที่ประเทศในอาเซียนควรทำคือการร่วมกันลดกำแพงที่เหลืออยู่ในการทำการค้าระหว่างกันและกันเอง โดยเฉพาะมาตรการกีดกันการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (เช่น ข้อกำหนดทางเทคนิคหรือขั้นตอนทางธุรการที่ซับซ้อนหรือไม่โปร่งใส คุณวุฒิวิชาชีพหรือมาตรฐานสินค้าที่ยังเหลื่อมกัน)

 

  1. เพิ่มสถานะและอิทธิพลของ ASEAN ในอนาคตโลกที่อาจเต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่างหลายมหาอำนาจ

 

– แม้คงไม่มีใครกล้าบอกว่าไทยจะกลายมาเป็น “ประเทศมหาอำนาจ” แต่เราต้องไม่ลดทอนประเทศไทยให้กลายเป็น “ประเทศเล็ก”

– ดังนั้น หากประเทศต้องการวางตนเองเป็น “อำนาจกลาง” ที่มีพลัง เราควรตั้งเป้าเป็นผู้นำของ อาเซียนที่หันมามียุทธศาสตร์ร่วมกันที่ชัดขึ้น ในการปฏิสัมพันธ์ประเทศอื่นบนฐานของกฎกติกาสากล มากกว่าการแยกกันเดินจนต่างถูกบีบให้สมยอมกับมหาอำนาจใดมหาอำนาจหนึ่ง

 

ในเมื่อวิกฤตนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประเทศไทย ทางออกเรื่องนี้จึงจำเป็นต้องอาศัยบทบาทความเป็นผู้นำของไทยในเวทีโลก โดยเฉพาะการใช้กลไก ASEAN ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในการช่วยเหลือคนไทยฝ่าฟันวิกฤตเฉพาะหน้าและความเสี่ยงจากการจัดระเบียบโลกใหม่ในระยะยา



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า