Newsความขัดแย้งใน ตะวันออกกลางบานปลายขึ้น ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ ชี้ไทยต้องเฝ้าระวังการก่อการร้ายในประเทศ ซึ่งเคยเกิดเหตุวางระเบิดในกรุงเทพ ปี 2555 มาแล้ว

ความขัดแย้งใน ตะวันออกกลางบานปลายขึ้น ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ ชี้ไทยต้องเฝ้าระวังการก่อการร้ายในประเทศ ซึ่งเคยเกิดเหตุวางระเบิดในกรุงเทพ ปี 2555 มาแล้ว

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่อิสราเอลทิ้งระเบิดสังหาร “ฮะซัน นัศรุลลอฮ์” เลขาธิการกลุ่ม “ฮิซบุลลอฮ์” ในเลบานอน เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2567 ซึ่งทำให้นายพล “อับบาส นิลโฟรุชาน” นายพลอาวุโสของกองพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (Islamic Revolutionary Guard Corp – IRGC) ซึ่งเป็นเหล่าทัพหนึ่งของกองทัพอิหร่าน เสียชีวิตไปพร้อมกันด้วยนั้น 

 

ทำให้อิหร่านประกาศว่าจะเอาคืนอย่างแน่นอน สร้างความหวั่นวิตกว่าจะทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางขยายวงกว้างกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว TNN ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในรอบสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะในเลบานอน อิหร่าน และอิสราเอล ซึ่งรวมถึงในตะวันออกกลางโดยภาพรวม

 

เนื่องจาก นัศรุลลอฮ์ นั้นเป็นผู้นำที่มีบทบาทในการต่อสู้กับอิสราเอลมายาวนานถึง 32 ปี ในหลายสงครามโดยเฉพาะในปี 2543 และปี 2549 ที่สามารถขับไล่อิสราเอลออกไปจากเลบานอนได้ ภายหลังจากที่อิสราเอลเข้าไปยึดครองเลบานอนถึง 18 ปี

 

อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่มีบทบาทสูงในสงครามในซีเรีย อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ให้การฝึกฝนกองกำลังต่าง ๆ เพื่อต่อสู้กับอิสราเอล และเป็นพันธมิตรที่สำคัญของอิหร่าน ซึ่งอิหร่านประกาศว่าจะมีการแก้แค้นไปแล้ว รวมไปถึงประกาศไว้อาลัยให้แก่ผู้สูญเสียในเหตุการณ์ในครั้งนี้  3 วัน 

 

ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าอิหร่านและฮิซบุลลอฮ์ จะผลักดันให้มีการโต้ตอบอิสราเอลในหลายรูปแบบ และในอีกไม่กี่วันนี้ คณะกรรมการของฮิซบุลลอฮ์จะมีการเลือกผู้นำคนใหม่ ซึ่งคาดกันว่าน่าจะเป็นญาติของ นัศรุลลอฮ์ ผู้นำฮิซบุลลอฮ์ที่เพิ่งเสียชีวิตไป

ซึ่งนี่จะเป็นแรงตึงเครียดเรื่องแรก ส่วนเรื่องที่ 2 นั้น ทางฝั่งสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกเชื่อกันว่าอิสราเอลจะส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าไปผลักดันในทางตอนใต้ เนื่องจากว่าผู้นำคนสำคัญของฮิซบุลลอฮ์ในทางตอนใต้ได้เสียชีวิตในเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปด้วย

 

เป็นการเปิดโอกาสในการผลักดันให้กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ถอยร่นขึ้นไปทางตอนเหนือให้มากขึ้น เปิดโอกาสให้ชาวยิวเข้าไปตั้งรกรากในทางตอนเหนือของอิสราเอลมากขึ้น ซึ่งในเวลานี้ค่อย ๆ ทยอยขึ้นไปหลายหมื่นคนแล้ว ซึ่งนี่จะเป็นประเด็นที่ 2 ที่สงครามอย่างจำกัด ซึ่งจะตัดสินชัยชนะอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นจากการต่อสู้ในภาคพื้นดิน ถ้าหากอิสราเอลตัดสินใจ ซึ่งทางสหรัฐเชื่อว่ายังไม่ได้ตัดสินใจ

 

แต่ทั้งนี้ทางฮิซบุลลอฮ์ได้มีการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ในการรับมือการสู้รบ ซึ่งมีการวิเคราะห์กันว่าทางฮิซบุลลอฮ์มีความได้เปรียบด้านชัยภูมิ เนื่องจากในพื้นที่บริเวณนั้นมีทั้งภูเขาและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเอื้ออำนวยต่อฮิซบุลลอฮ์ในการแก้แค้น ทำให้สถานการณ์ในขณะนี้มีความตึงเครียดทั้งในตะวันออกกลางและทั่วโลก

 

เมื่อถามถึงท่าทีของผู้นำคนใหม่ที่จะขึ้นมาแทนที่ นัศรุลลอฮ์ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ รศ.ดร.ปณิธานกล่าวว่าสถานการณ์น่าจะมีความเข้มขข้นมากขึ้น ผู้นำคนดังกล่าวนั้นเข้าใจว่าสามารถหลบหนีได้สำเร็จ และน่าจะตั้งหลักได้แล้ว อีกทั้งในปัจจุบันว่าที่ผู้นำคนใหม่นั้นมีฐานะเป็นผู้นำของฝ่ายบริหารของฮิซบุลลอฮ์ และผู้นำกองกำลังกลุ่มญิฮาด (กองกำลังชาวมุสลิม) หรือสภาญิฮาดอยู่แล้ว

 

ทำให้เขาอยู่ในปฏิบัติการตอบโต้อิสราเอลมาตั้งแต่ต้น และถือเป็นผู้นำที่มีความเหมาะสมที่สุด (สำหรับฮิซบุลลอฮ์) ซึ่งถ้าคณะกรรมการของฮิซบุลลอฮ์เลือกเขาขึ้นมา การยกระดับก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

แต่ทั้งนี้ขวัญและกำลังใจของกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ ได้รับผลกระทบในระยะสั้น เนื่องจากผู้นำคนสำคัญของกลุ่ม 8-10 คนถูกสังหารในครั้งนี้ หรือในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา และฮิซบุลลอฮ์อาจจะถอยห่างออกจากกรุงเบรุต (เมืองหลวงของเลบานอน) ที่มีหลาย ๆ ชาติอยู่ที่นั้น

 

อีกทั้งการโจมตีในครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าอิสราเอลสามารถแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ทางตอนใต้ของเลบานอน และกรุงเบรุตได้หลายเดือน อีกทั้งการก่อเหตุนั้นเกิดขึ้นก่อนที่ “เบนจามิน เนทันยาฮู” นายกรัฐมนตรีอิสราเอล จะขึ้นพูดบนเวทีสหประชาชาติ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 ก.ย. 2567)

 

แต่การเตรียมการตรวจจับหาตำแหน่งผู้นำฮิซบุลลอฮ์ 2-3 เดือน ทำให้กลายเป็นปัญหาให้ผู้นำฮิซบุลลอฮ์รุ่นใหม่ในการปรับเปลี่ยนสถานที่ตั้ง และยุทธวิธีใหม่ ๆ ในเลบานอน และกรุงเบรุต

 

เมื่อถามว่าถ้าหากอิสราเอลส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าไป แนวโน้มของสงครามจะขยายตัวเป็นสงครามเต็มรูปแบบหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า นี่คือสิ่งที่หลายฝ่ายเป็นกังวล โดยนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งในตะวันออกกลาง เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 การโต้ตอบกันระหว่างอิสราเอลและฮิซบุลลอฮ์ ก็เริ่มต้นในทันที 

 

เพราะฉะนั้นสงครามก็จะก่อตัวและขยายความรุนแรงมากขึ้น และฮิซบุลลอฮ์เองก็มีการเตรียมตัวในการต่อต้านอิสราเอลมาตั้งแต่ปี 2549 จึงมีความเป็นไปได้ที่จะลุกลามขยายตัวกระทบหลายพื้นที่ในเลบานอน ซึ่งทางสหรัฐเชื่อว่าถ้ามีการเข้าไป ก็จะเข้าไปเพื่อผลักดันฮิซบุลลอฮ์ ให้ขึ้นไปทางเหนือมากขึ้น แต่ว่าจะไม่เข้าไปลึกถึงเบรุต

 

และจะไม่เข้าไปเพื่อยึดครอง เป็นเพียงการฉวยโอกาสในช่วงที่ขวัญกำลังใจของฮิซบุลลอฮ์กำลังตกในระยะสั้น แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าในระยะกลางและระยะยาว ฮิซบุลลอฮ์น่าจะตั้งหลักได้ และฮิซบุลลอฮ์จะมีผู้นำรุ่นใหม่ พร้อมยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยภายใต้การสนับสนุนจากหลายชาติ ดังนั้นการเข้าไปยึดครองเลบานอนจะไม่เป็นประโยชน์กับอิสราเอลในระยะกลางหรือระยะยาว

 

ส่วนความบานปลายของสงครามนั้น ยังเชื่อว่าจะสามารถควบคุมได้ และกองทัพสหรัฐอยู่ในสถานะเตรียมพร้อมที่จะเข้าทำการรบอีกครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งจะสร้างแรงกดดันให้อีกหลายชาติไม่เข้าร่วมในการทำสงครามระดับภูมิภาคในพื้นที่นี้ ในขณะที่ยังมีการเจรจาคู่ขนานกันไป เพื่อให้เกิดการพักรบและหยุดยิงชั่วคราว ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะทำสำเร็จหรือไม่

 

แต่ทั้งนี้สถานการณ์ทางการเมืองของอิสราเอลนั้นถือว่าดีขึ้น กลุ่มหัวรุนแรงรู้สึกพอใจต่อปฎิบัติการในครั้งนี้ และจะไม่สร้างแรงกดดันต่อนายกรัฐมนตรีอิสราเอลมากไปกว่านี้ เพื่อให้เกิดช่องทางในการเจรจาสันติภาพ และนำเอาตัวประกันกลับคืนมา ซึ่งนั่นรวมถึงตัวประกันคนไทยด้วย

 

เมื่อถามว่าสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น และมีการพัฒนาความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่องจนเกือบจะครบปีแล้วนั้น จะมีทางออกหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในเวลานี้ทางออกนั้นยังเกิดขึ้นได้ยากมาก

 

สำหรับทางออกที่แท้จริงนั้นอยู่ตรงกลาง ข้อเท็จจริงก็จะต้องอยู่ตรงกลางระหว่างข้อคิดหรือข้อเสนอของกลุ่มคนระหว่างกลุ่มคนที่ต่อต้านอิสราเอล เช่นตัวแทนสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลอฮ์ที่ 2 แห่งจอร์แดน  ที่ทรงตรัสในสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมาที่ทรงแสดงให้เห็นถึงข้อเท็จจริงบางอย่าง ถึงความรุนแรง โหดร้าย ทารุณของอิสราเอล 

 

ในขณะที่สุนทรพจน์ของนายกฯ อิสราเอล ที่แสดงให้เห็นถึงจุดยืนอีกด้านหนึ่งที่สุดขั้วของอิสราเอลที่ถูกโจมตี ถูกลอบสังหาร และถูกกดดันโดยอิหร่านและนานาชาติบางส่วนที่เป็นพันธมิตร

 

ดังนั้นทางออกจริง ๆ แล้ว จะต้องอยู่ตรงกลางระหว่างจุดยืนที่แตกต่างกันอย่างขุดขั้ว ไม่ว่าจะในสหประชาชาติ และในตะวันออกกลาง ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มที่จะมาพบกันครึ่งทางเท่าไหร่นัก แต่ว่าก็ยังมีความพยายามอยู่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งทุกชาติซึ่งรวมถึงประเทศไทย ได้เริ่มการเฝ้าระวังการตอบโต้กันไปมาด้วยแล้ว

 

เมื่อถามถึงความเคลื่อนไหวของอิหร่านที่ประกาศว่าจะตอบโต้ และมีการส่งหนังสือไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้มีการจัดประชุมด้วยนั้น อิหร่านจะมีความเคลื่อนไหวอย่างไรได้บ้าง

รศ.ดร.ปณิธานกล่าวว่า อิหร่านมีแนวโน้มที่จะประณามอิสราเอล และดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมเพิ่มขึ้นตามที่นายกฯ อิสราเอลระบุว่าประมาณอิสราเอลมาร้อยกว่าครั้งแล้ว แต่ว่าผลลัพธ์นั้นก็อาจจะไม่ชัดเจน ในขณะที่อีกฝ่ายก็ประณามอิหร่าน, ฮูตี และฮิซบุลลอฮ์กว่า 70 ครั้ง

 

ซึ่งก็คงจะมีการประชุมฉุกเฉิน และคงมีการลงมติประณามกันอีก แต่ว่าฝ่ายอิหร่านเองก็มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก ซึ่งจะต้องมีการเฝ้าระวังเครือข่ายเหล่านี้ ซึ่งเหตุการณ์วางระเบิดในซอยสุขุมวิท 71 กรุงเทพ ปี 2555 ก็สามารถจับกุมชาวอิหร่านได้ 2-3 คน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสมาชิกของกองกำลังที่เคลื่อนไหวอยู่ในตะวันออกกลาง ทั้งในเลบานอน และอิหร่าน (เหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ก่อการมุ่งลอบสังหารทูตอิสราเอล แต่ล้มเหลว)



ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายให้แก่ทุก ๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ที่จะต้องเฝ้าระวังไม่ให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้ามาโจมตีในพื้นที่ประเทศของตนเอง และนี่เป็นประเด็นสำคัญที่หลายชาติพยายามสื่อสารกับอิหร่านและพันธมิตร และสหรัฐ ในขณะเดียวกันก็เตรียมการป้องกันตนเอง ทั้งนี้หลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ถือเป็นพื้นที่เปราะบางเป็นพิเศษ

 

เมื่อถามว่าประเทศไทยควรเตรียมการรับมืออย่างไร ทั้งในเรื่องของความมั่นคง และผลกระทบจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง เช่นผลกระทบเรื่องราคาพลังงาน และเรื่องของแรงงานที่เข้าไปทำงานอยู่ที่นั่น

 

รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าประเด็นแรกคือ ไม่ควรจะตื่นตระหนกเป็นพิเศษ และประเด็นที่ 2 คือต้องเฝ้าระวังให้ดีขึ้น เนื่องจากว่าไทยนั้น ถือว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องมากขึ้นโดยปริยายไปแล้ว ทั้งเป็นพื้นที่ที่มีการลอบโจมตีกัน มีการจับกุมคนเหล่านี้ได้เป็นระยะ ๆ ในประเทศไทย เกิดระเบิด เกิดเหตุร้าย เกิดเครือข่ายเหล่านี้ และที่สำคัญคือในขณะนี้มีคนไทยถูกจับเป็นตัวประกันด้วย ซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจาขอคืนตัวประกันคนไทย

 

ดังนั้นการยกระดับให้เข้มข้นขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องทำ เพียงแต่ว่าไม่ควรจะตื่นตระหนก และไม่ควรจะทให้เกิดผลกระทบกับชีวิตประจวันปกติ แต่ประเด็นที่ 2 คือผลกระทบด้านพลังงานและการท่องเที่ยวระยะสั้นก็คงจะได้เห็นมากขึ้นหลังจากที่หลายฝ่ายต้องรอดูว่าสถานการณ์จะบานปลายหรือไม่

 

ต่ว่าเรื่องนี้ก็คงจะไม่นาน และคงจะเห็นภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ แต่ระยะยาวประเทศไทยก็ควรจะผลักดันให้เกิดการเจรจาสันติภาพอย่างจริงจัง เกิดการตั้งรับคู่ขนานอย่างสันติทั้งรัฐปาเลสไตน์ที่เราลงมติไปแล้ว (การลงมติเพิ่มสิทธิให้แก่รัฐปาเลสไตน์ ในเวทีสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2567 ซึ่งไทยลงมติเห็นด้วย) และการสนับสนุนให้อิสราเอลวางระบบการรักษาความปลอดภัยให้ดีขึ้น

 

และสุดท้ายก็น่าจะคิดถึงบทบาทใหม่ของประเทศไทยในการเข้าไปช่วยฟื้นฟูบริเวณเหล่านี้ โดยใช้งบประมาณของสหประชาชาติและนานาชาติ ซึ่งจะทำให้ไทยสามารถเข้าไปปกป้องคนไทยที่เข้าไปทำงานในตะวันออกกลางได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในอิสราเอล และในอนาคตที่จะกลับไปซาอุดีอาระเบีย ซึ่งในขณะนี้เป็นมิตรกับอิสราเอลไปแล้ว

 

อีกทั้งในขณะนี้กองกำลังของไทย เจ้าหน้าที่ของไทยที่จะดูแลคนไทยหลายหมื่นคนที่อยู่ที่นั่นมีไม่พอ ซึ่งจะต้องยกระดับ ให้ความสำคัญ และเตรียมพร้อมเพื่อการดูแลผลประโยชน์ของคนไทยในตะวันออกกลางให้มากขึ้น




เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า